“หมายความว่ายังไง?”
นิ้วชี้เรียวยาวของมิสคารินาเคาะลงบนที่พักแขนของโซฟาเดี่ยว ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความกังวลภายในใจของเธอ
Sponsored Ads
“คำทำนายบางอย่าง… ฉันพูดไม่ได้ แม้แต่คำเดียวก็ไม่ได้ มันเกี่ยวข้องกับอนาคตของโลกใบนี้ คุณอาจคิดว่ามันคือพิธีกรรมบางอย่าง หรืออาจเป็นบทกวีมหากาพย์ในนิยายอัศวินที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ฉันกลับมาที่โทเบสก์ก็เพื่อสิ่งนี้ โบสถ์, สถาบัน, สภาแม่มด และองค์กรโบราณอีกมากมาย ต่างกำลังวิ่งวุ่นเพื่อเตรียมตัว แต่เหล่านักเวทวงแหวนทั่วไปกลับไม่รู้อะไรเลย…”
เชดมองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ เรื่องของมิสบาสก์ เขาไม่มีทางบอกใครเด็ดขาด แต่มิสคารินากลับตีความสีหน้าของเขาว่าเป็นความสับสน
“สภาแม่มดส่งข่าวมาว่า การตีความคำทำนายมีทิศทางใหม่ คนแรก… กำลังจะปรากฏตัว… คุณเข้าใจไหม?”
เธอถามอย่างลังเล
“ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด”
มิสคารินายกมือขึ้นกุมขมับ
“โอ้ ฉันก็รู้ว่าพูดไปคุณต้องไม่เข้าใจ แต่มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่สามารถดึงคุณเข้ามาเกี่ยวข้องได้ง่ายๆ ไม่เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ เอาเป็นว่า ถ้าคุณพบนักเวทวงแหวนหญิงจากโบสถ์ที่ดูแปลกประหลาด ช่วยบอกฉันด้วย”
เธอมองเชดด้วยความกังวล
Sponsored Ads
“ความจริงฉันเองก็ไม่เข้าใจทั้งหมดว่าคำทำนายนั้นหมายถึงอะไร บางทีมันอาจเป็นจุดจบของโลก หรืออาจเป็นการเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ หรืออาจเป็นการหวนคืนมาของเหล่าทวยเทพ ไม่มีใครรู้ แต่สิ่งนั้น… มันจะต้องเกิดขึ้น”
เธอหยุดครู่หนึ่งและพูดต่อ
“สภาหวังว่าจะตามหาพวกเขาให้เจอ หากเป็นผู้หญิง พวกเราจะดึงพวกเธอเข้าสู่สภาแม่มด ฉันคิดว่าองค์กรอื่น ๆ ที่รู้เรื่องคำทำนายก็คงคิดเช่นเดียวกัน ทุกฝ่ายต่างกำลังตามหาพวกเขา”
“สิ่งนั้น… จะต้องเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”
เชดถาม แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางได้คำตอบที่ชัดเจน
มิสคารินาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอโทษนะ นักสืบ เรื่องนี้ฉันพูดไม่ได้จริงๆ แต่มัน… จะต้องเกิดขึ้น มหากาพย์อันยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่ไม่มีใครเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ทุกคนต่างก็อยากหาคำตอบ ไม่มีใครยกเว้น”
ในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทีฟากลับมาพร้อมกับกล่องเครื่องประดับในมือ มิสคารินาส่งสัญญาณให้เชดหยุดพูดเรื่องนี้ และอนุญาตให้สาวใช้เข้ามาในห้อง
จากนั้น มิสคารินาอธิบายแผนการในคืนวันพฤหัสบดีให้เชดฟัง แผนการของเธอละเอียดกว่าที่เชดและพรรคพวกวางไว้มาก แต่ยิ่งแผนละเอียดเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเทียบกันแล้ว เชดกลับรู้สึกว่าการบุกเข้าไปในซากโบราณใต้ดินในคืนวันพฤหัสบดี อาจมีความเสี่ยงน้อยกว่าเสียอีก
Sponsored Ads
เมื่อรถม้าส่งเชดกลับถึงบ้าน เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงสองทุ่มแล้ว มิสคารินายังได้เชิญเขาทานอาหารค่ำที่คฤหาสน์ หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นห่วงเจ้าเหมียวมีอา เธอคงอยากให้เขาพักค้างคืนที่นั่นด้วยซ้ำ
วันอังคารจึงผ่านพ้นไปอย่างสงบ พร้อมกับเศษซากระดับกวี อย่าง [เทียนบอร์โดซ์] และเศษซากระดับปราชญ์ อย่าง [สร้อยคอทองคำของแม่มดโบราณ] ที่ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จให้กับภารกิจในวันพฤหัสบดี
เมื่อวันพุธมาถึง เชดตื่นขึ้นมาพร้อมกับตั้งใจว่าจะไม่ออกไปไหนทั้งวัน เขาจะอยู่บ้าน ทบทวนแผนการสำหรับคืนวันพฤหัสบดีอย่างละเอียด พร้อมรอการมาถึงของมิสอานาตและมิสบาสก์
แต่ไม่คาดคิดว่า ในเวลาเจ็ดโมงเช้า ขณะที่เขากำลังทานอาหารเช้ากับเจ้าเหมียวมีอาอย่างสงบ เสียงกริ่งประตูชั้นล่างก็ดังขึ้น
ในตอนนั้น เจ้าแมวมีอากำลังก้มหน้าก้มตาเลียชามใส่นมแพะผสมอาหารแมวอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนเชดก็กำลังอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกับขนมปังในมือ
บนหนังสือพิมพ์นกไอน้ำรายวันมีบทความที่น่าสนใจหลายชิ้น ตั้งแต่งานสัมมนาครั้งล่าสุด เชดก็เริ่มคิดว่าจะลองลงทุนในเครื่องจักรไอน้ำเพื่อทำกำไรสักครั้ง จึงให้ความสนใจกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นพิเศษ
มีอาดื่มนมแพะในตอนเช้า ส่วนเชดดื่มน้ำเปล่า แม้ว่าสองสามสัปดาห์ก่อน เขาจะยังคงซื้อนมวัวสองขวดทุกเช้า แต่ตั้งแต่เขารู้สึกว่านมเริ่มมีกลิ่นแปลกๆ และบังเอิญถึงเวลาต้องจ่ายค่าห้องรายเดือนพอดี เชดจึงตัดสินใจเลิกซื้อนมตอนเช้าไป
ในเมื่อร่างกายนี้หยุดโตแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเสริมแคลเซียมอีกต่อไป
Sponsored Ads
แต่เมื่อเสียงกระดิ่งดังขึ้น ทั้งแมวและเชดต่างก็หันไปมองทางชั้นล่างด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เชดลุกขึ้นและเดินลงไปดูว่าใครมา มีอาก็ก้มหน้าก้มตาเลียหยดนมแพะหยดสุดท้ายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตามหลังเชดลงบันไดมาอย่างว่องไว
เชดถามผ่านประตูว่าแขกต้องการพบใคร และเมื่อยืนยันได้ว่าพวกเขาต้องการพบ นักสืบเชด แฮมิลตัน เขาจึงเปิดประตูออก
เบื้องหน้าของเขามีคนสองคน หญิงชราร่างผอมบางที่ดูหลังค่อมเล็กน้อย กำลังใช้ไม้เท้าพยุงตัว เธอสวมแหวนทองคำบนนิ้วมือ ซึ่งสะดุดตาเชดทันที
ด้านหลังเธอมีชายวัยกลางคนยืนอยู่ ใบหน้าเคร่งขรึม เขายืนด้วยท่าทางที่คล้ายกับกัปตันเลดส์
‘ผู้ชายคนนั้นคงเป็นบอดี้การ์ดสินะ?’
เชดคิดในใจ ก่อนจะเอ่ยทักทายแขกผู้มาเยือน
“อรุณสวัสดิ์ ฉันนักสืบเชด แฮมิลตัน ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองคือ…?”
“บารอนลาเวนเดอร์แนะนำฉันมา”
หญิงชราพูดด้วยเสียงแหบพร่า และสำเนียงโทเบสก์ที่หนักแน่นมากจนเชดเกือบจะฟังไม่ออกว่าเธอพูดถึงบารอนลาเวนเดอร์
Sponsored Ads
แต่เมื่อเธอยื่นนามบัตรของตัวเองและของบารอนลาเวนเดอร์ให้ดู เชดก็เข้าใจได้ทันทีว่าเป็นแขกที่บารอนแนะนำมา จึงเชิญทั้งสองคนเข้ามาข้างใน ระหว่างที่พวกเขาเดินผ่าน เชดยังสังเกตได้ว่าทั้งสองคนเป็นเพียงคนธรรมดา
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสอง มีเพียงเชดและหญิงชราเท่านั้นที่เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ชายวัยกลางคนยืนพิงกำแพงด้วยท่าทางเคร่งขรึมอยู่หน้าห้องหมายเลขหนึ่ง บนชั้นสอง หันหน้าไปทางบันได
หญิงชราเดินช้า ๆ มานั่งลงบนโซฟาอย่างระมัดระวัง ขณะที่เชดไปเตรียมน้ำชา
หลังจากวางกาน้ำชาและรินน้ำชาใส่ถ้วยจนเต็ม เชดก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ แต่ก่อนที่เธอจะเริ่มพูด เชดกล่าวเตือนไว้ก่อน
“ขออภัย ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่กับคดีอื่น คงต้องรอถึงวันอาทิตย์ถึงจะเริ่มคดีใหม่ได้ ดังนั้น ถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วยสืบสวนอะไร โปรดพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีก่อนเล่าให้ฉันฟังนะครับ”
ตั้งแต่วันพฤหัสบดี เขาต้องจัดการเรื่อง ชายตาเงิน วันศุกร์เขาต้องไปช่วยคุณนายเลอแมร์จัดการเรื่องมรดก วันเสาร์ช่วงบ่ายมีประชุม และตอนกลางคืนก็มีชั้นเรียนของมิสลูอิส ดังนั้นเขาจะว่างอีกทีวันอาทิตย์จริง ๆ
“ไม่เป็นไร คดีของฉันง่ายมาก”
หญิงชราพูดพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา เต็มไปด้วยจุดด่างดำแห่งวัยชรา เชดอดคิดไม่ได้ว่าถ้วยชาจะร่วงหล่นลงมากลางทางหรือไม่
เธอยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างเชื่องช้าเหมือนภาพสโลว์โมชั่น แล้วก็วางถ้วยลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงหยิบนามบัตรของตัวเองออกมายื่นให้เชด
ในระหว่างที่หญิงชราทำท่าทางช้า ๆ อย่างระมัดระวัง เชดและเจ้าแมวมีอาซึ่งนั่งอยู่บนพนักโซฟาด้านหลัง ต่างก็จ้องมองมือของเธออย่างไม่กะพริบตา — เชดกลัวว่าถ้วยน้ำชาของเขาจะตกแตก ส่วนมีอาสงสัยว่าผู้บุกรุกแปลกหน้ากำลังทำอะไรอยู่
Sponsored Ads
หญิงชรามีชื่อว่า เกรต้า วัตสัน เธอเป็นแม่หม้ายเจ้าของโรงงานขนาดใหญ่ในเขตตอนใต้ของโทเบสก์ เธอเป็นเพื่อนเก่าแก่ของบารอนลาเวนเดอร์ แต่เธอไม่ได้อธิบายว่าพวกเขารู้จักกันได้อย่างไร แต่เชดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าของเก่าและน้ำหอมของบารอน
สรุปแล้ว คุณนายวัตสัน ผู้ชราภาพและอ่อนแออ ได้พบกับบางสิ่งที่จำเป็นต้องจัดการเมื่อไม่นานมานี้ ระหว่างการสนทนากับบารอนลาเวนเดอร์ โดยบังเอิญ เธอเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง หลังจากที่บารอนฟังรายละเอียดทั้งหมด เขาก็แนะนำให้นางวอเซนท์มาพบกับนักสืบแห่งจัตุรัสเซนต์เทเรซา
“โดยสรุปแล้ว ราวครึ่งเดือนก่อน ขณะที่คนรับใช้กำลังทำความสะอาดห้องใต้ดินโดยบังเอิญ พวกเขาทำกำแพงแตก และพบว่าหลังผนังนั้นมีโพรงขนาดใหญ่”
เชดยังคงสีหน้าเรียบเฉย
“สมบัติ? อุโมงค์? หรือโครงกระดูก?”
หญิงชราหันมามองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณเป็นนักสืบที่เก่งจริง ๆ นั่นคือโครงกระดูกขาวโพลน”
ใบหน้าของเธอไร้อารมณ์ น้ำเสียงเชื่องช้า ราวกับว่าการพูดเร็วเกินไปจะทำให้สุขภาพของเธอย่ำแย่ลง
“แล้วได้แจ้งตำรวจหรือยังครับ? ถึงจะเป็นศพที่ตายไปหลายร้อยปีก็ยังสมควรให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนะครับ”
เชดแนะนำ เขาเองยังไม่เคยรับคดีที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมมาก่อน
“ไม่จำเป็นต้องแจ้งตำรวจ”
คุณนายวัตสันกล่าว
“ทำไมล่ะ?”
“ตำรวจมาแล้ว พวกเขาและฉันต่างก็รู้ว่าโครงกระดูกนี้เป็นใคร และรู้ด้วยว่าเขาเสียชีวิตเพราะอะไร”
ปากของหญิงชราที่เหี่ยวย่นจนแทบจะมองไม่เห็นขยับเล็กน้อยขณะพูด
Sponsored Ads
“แล้วศพนั้นคือใคร?”
เชดรู้สึกระแวงเล็กน้อย ดวงตาเหลือบมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ที่ประตู
“จากเสื้อผ้าและสิ่งของที่พบใกล้ศพ ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นสามีของฉันที่หายตัวไปเมื่อ 32 ปีก่อน”
ใบหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง ไม่มีความโศกเศร้าหรือยินดี เชดรู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก แต่บารอนลาเวนเดอร์ไม่มีเหตุผลที่จะดึงเขาเข้ามาในเรื่องแบบนี้
“อย่างนั้นหรือ…”
“สำหรับฆาตกร ฉันมั่นใจว่าเป็นน้องชายที่ไม่เอาไหนของฉันเอง ตอนหนุ่มๆ เขาทะเลาะกับสามีของฉันบ่อยครั้ง ทั้งสองคนชอบดื่มเหล้า และหลังจากดื่มจนเมาแล้วก็… หลังจากสามีฉันหายตัวไป คนแรกที่ฉันสงสัยก็คือน้องชาย เขายอมรับผิดเองด้วยซ้ำ และยังเดินทางไปมอบตัวที่ริดวิชฟิลด์ หลังจากติดคุกอยู่หลายปี เขาก็กลับตัวเป็นคนดีขึ้น แต่เขาไม่เคยบอกเลยว่าซ่อนศพไว้ที่ไหน ตั้งแต่นั้นมา เราไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย… เวลาผ่านไป ตอนนี้เขาก็เสียชีวิตไปเกือบสิบปีแล้ว”
เธอถอนหายใจยาวอย่างเชื่องช้า สายตามองลงไปที่ถ้วยชา จากนั้นจึงพูดต่อ
“เรื่องทั้งหมดนี้สามารถตรวจสอบได้จากบันทึกของริดวิชฟิลด์ ดังนั้น คุณไม่ต้องกังวลว่าฉันจะโกหกคุณ”
“คนอย่างคุณคงไม่โกหกฉันแน่นอน”
เชดพูดคำที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เชื่อ แล้วถามต่อ
“แล้วสิ่งที่คุณต้องการให้ฉันช่วยคือ…”
“ตอนยังสาว ฉันเคยฝันไว้ว่า วันหนึ่งฉันจะหาสามีเจอและฝังเขาอย่างสมเกียรติ หลังจากนั้นฉันเองก็จะได้ถูกฝังอยู่เคียงข้างเขา หลุมฝังศพถูกซื้อไว้ตั้งหลายสิบปีก่อน และฉันก็ดูแลมันมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ ในที่สุดฉันก็พบศพของเขาแล้ว ฉันได้แจ้งริดวิชฟิลด์ไปแล้ว คดีถือว่าสิ้นสุดลง ฉันติดต่อญาติฝ่ายสามีของฉันเพื่อจัดพิธีศพ”
เธอหยุดเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“ถึงแม้สามีของฉันจะไม่มีตำแหน่งขุนนาง แต่เขาก็เกิดในตระกูลเอิร์ล วัตสัน ญาติของเขายืนยันว่าพิธีศพต้องมีขุนนางมาอ่านบทสวดไว้อาลัย มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่เข้าร่วมพิธี”
“ญาติฝ่ายวัตสันยื่นข้อเรียกร้องแบบนั้นทำไม?”
“การตายของสามีฉันทำให้ญาติฝ่ายเขาไม่พอใจ พวกเขาเชื่อว่าเป็นฉันกับน้องชายที่สมคบกันเพื่อฆ่าเขา เพื่อฮุบกิจการโรงงาน”
เมื่อมองย้อนกลับไปหลังจากผ่านมาสามสิบปี แนวคิดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดนัก เพราะจากข้อมูลที่ได้จากนามบัตร โรงงานแห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณนายวัตสันโดยสมบูรณ์ หลังจากการเสียชีวิตของมิสเตอร์วัตสันทุกอย่างก็ตกเป็นของหญิงม่ายผู้น่าสงสารคนนี้