เช้าวันต่อมาที่บาร์โฮสต์สาทรแท็ปรูมเงียบสงัดจนน่าขนลุก ต่างจากความโกลาหลในคืนก่อนหน้า บาร์ที่เคยคึกคักตอนนี้ดูเหมือนสนามรบ—โต๊ะหัก ผนังมีรอยไหม้ และเศษแก้วกระจัดกระจายเต็มพื้น ความหนาวเย็นที่แผ่วเบายังคงลอยอยู่ในอากาศ ร่องรอยสุดท้ายของห้วงลึกที่ยังหลงเหลืออยู่ในมุมต่าง ๆ
Sponsored Ads
หน่วยม่านทำงานอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของพวกเขาแม่นยำและเป็นระเบียบ ราวกับการจัดการภัยพิบัติทางจิตวิญญาณเป็นเพียงงานประจำวัน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพ่นละอองชำระล้างบนเคาน์เตอร์ที่มีรอยสัญลักษณ์ไหม้ ขณะที่อีกคนค่อย ๆ เก็บชิ้นส่วนของเครื่อง POS ที่แตกออกเพื่อนำไปเป็นหลักฐาน
บอสหนูยืนอยู่ใกล้เคาน์เตอร์แขนกอดอกสีหน้าของเขาดูเหมือนไม่ค่อยพอใจนัก
“แล้ว” เขาพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยการประชดประชัน “เรื่องแบบนี้จะมีเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลหรือเปล่า? หรือผมต้องส่งบิลไปเก็บกับพวกคุณโดยตรง?”
ผู้บัญชาการหลินซึ่งยืนอย่างสงบนิ่งในท่าประจำตัวที่แสดงถึงอำนาจของเธอ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เราจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด”
“ดี” บอสหนูตอบพลางชี้ไปที่ความเสียหายรอบตัว “เพราะผมไม่คิดว่าประกันจะครอบคลุม ‘สัตว์ประหลาดจากห้วงลึก’ ได้หรอกนะ”
ขณะที่การสนทนาดำเนินต่อไป ผมเดินไปข้างหน้า อดไม่ได้ที่จะพูดแทรก “ไม่ต้องห่วงนะบอสหนู ค่าเสียหายคงไม่ถูกหักจากค่าซ่อมของผมหรอกนะ คุณจะต้องเรียกเก็บเงินจากหน่วยม่านเองสิ อาจเพิ่ม ‘ค่าธรรมเนียมภัยพิบัติ’ เข้าไปด้วยก็ได้”
บอสหนูมองผมด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย แต่ริมฝีปากของผู้บัญชาการหลินกลับกระตุกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย “นาวิน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเย็นชา “คุณควรจะยึดงานซ่อมเป็นหลักนะ ไม่ใช่มุกตลก”
“ใครบอกล่ะว่าผมทำสองอย่างพร้อมกันไม่ได้?” ผมตอบ พลางกลั้นหาวอย่างเหนื่อยล้า
Sponsored Ads
———————
การสืบสวนดำเนินต่อ
เมื่อการทำความสะอาดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง ผู้บัญชาการหลินก็เดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“เราจะสืบหาความจริงเกี่ยวกับครูบาสวรรค์” เธอกล่าว “ถ้าสิ่งที่ชายลัทธิกล่าวถึงเป็นความจริง และเขาเกี่ยวข้องกับภาคีแห่งความสงบอันเป็นนิรันดร์จริงมันจะเปลี่ยนทุกอย่าง เราพบในแฟ้มข้อมูลว่าเขาหายตัวไปหลังเหตุการณ์ที่เรียกว่า ‘การทำสมาธิขั้นสุดท้าย การรวมตัวของสมาชิกในลัทธิเมื่อหลายปีก่อน” หลินอธิบาย “จบลงด้วยการหายตัวไปครั้งใหญ่ ไม่มีศพ ไม่มีพยาน… ไม่มีอะไรเลย เราเคยคิดว่าลัทธินั้นสลายไปแล้ว แต่ถ้าครูบาสวรรค์ยังมีชีวิตอยู่และเป็นผู้นำพวกเขาอยู่—”
ผมพูดต่อแทนเธอ “—นั่นแปลว่าพวกเขากำลังรวบรวมกำลังใหม่ และพัฒนาเทคนิคที่สร้างสรรค์ขึ้นเรื่อย ๆ”
หลินพยักหน้า สีหน้าเคร่งเครียด “ถูกต้อง ฉันจะค้นข้อมูลจากเอกสารเก่า แล้วจะแจ้งให้คุณทราบ”
“ขอบคุณ” ผมพูด “แต่ครั้งหน้า บอกล่วงหน้าให้ผมหน่อยก่อนที่จะให้เดินเข้าไปในบาร์ที่แอบเป็นทางผ่านไปอีกมิติแบบนี้ได้ไหม?”
รอยยิ้มมุมปากของหลินกลับมาอีกครั้ง “จะพยายามนะ”
Sponsored Ads
———————
การสังเกตของธนา
ตอนที่ผมกลับมาถึงร้าน ความเหนื่อยล้าก็เริ่มไล่ตามทัน เหตุการณ์ตลอดคืนที่ผ่านมาวนเวียนอยู่ในหัวผมซ้ำๆ—โปรไฟล์ลึกลับ ชายคลั่งลัทธิ และสิ่งมีชีวิตจากห้วงลึกที่เกือบเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นสนามเด็กเล่นส่วนตัวของมัน
ผมโยนเศษซากของเครื่อง POS ลงในกล่องกักเก็บ และปิดผนึกด้วยชั้นป้องกันหลายชั้น ถึงอย่างนั้น แสงจาง ๆ ก็ยังเล็ดลอดออกมาจากรอยแตก ราวกับเตือนว่าบางสิ่งจากอดีตปฏิเสธที่จะหายไปอย่างเงียบ ๆ
ผมเอนหลังลงกับเก้าอี้ ปล่อยลมหายใจยาว ก่อนที่เสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านจะดังขึ้น
“เฮ้! บาร์เทนเดอร์พาร์ทไทม์!” เสียงร่าเริงของธนาดังขึ้น
ผมครางในใจเมื่อเห็นเขาโผล่หน้าเข้ามา รอยยิ้มประดับบนใบหน้าไม่จางหาย “มีอะไรอีกล่ะธนา?”
“ไม่มีอะไร” เขาพูด ขยับตัวเข้ามาในร้านพลางกวาดตามองไปรอบๆ อย่างโอเวอร์แอ็กชั่น “ก็แค่อยากมาเช็กว่า นายไม่ได้แอบไปเป็นโฮสต์ที่บาร์แปลกๆ อีกใช่ไหม”
ผมมองเขาด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ?”
ธนายักไหล่ แต่รอยยิ้มยังอยู่บนใบหน้า “ก็ไม่รู้สิ ถ้านายขัดสนเรื่องเงินก็บอกมาได้เลย ฉันยินดีให้ยืม ไม่ต้องไปชงค็อกเทลหรืออะไรที่โฮสต์เขาทำกันหรอก”
“ขอบคุณมากธนา” ผมพูดพลางกลอกตา “ความใจกว้างของนายช่างล้นเหลือ”
“ก็เพื่อนกันนี่นา” เขาพูดพร้อมโค้งตัวแบบล้อเลียน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโต๊ะทำงานของผม “ว่าไง มีอะไรต่อใน ‘นาวินผจญภัยแดนผี’ บ้าง?”
“หวังว่าจะได้หลับบ้าง” ผมบ่น พลางนวดขมับตัวเอง “แล้วก็คงอยากมีซักอาทิตย์ที่ไม่มีอุปกรณ์ผีสิงมาให้ซ่อม”
Sponsored Ads
———————
เงาแห่งอดีต
หลังจากที่ธนาออกไปแล้ว ผมนั่งเงียบๆ อยู่ในร้าน เสียงฮัมเบาๆ จากกล่องกักเก็บยังคงดังในความเงียบ ชื่อของโปรไฟล์ลึกลับยังคงกดทับอยู่ในความคิดของผม ใบหน้าของพวกเขากะพริบในจินตนาการเหมือนเงาผีที่โผล่ที่ขอบความทรงจำ
สิ่งที่ลัทธิกำลังทำ—สิ่งที่ครูบาสวรรค์วางแผนไว้—คนเหล่านั้นไม่ได้แค่หายไป พวกเขาถูกใช้ ชีวิตของพวกเขาถูกกลืนกินเพื่อบางสิ่งที่มืดมนและน่าสะพรึงกลัวกว่านั้น
ผมล็อกกล่องแน่น แต่แสงที่ลอดออกมาจากข้างในดูเหมือนจะสว่างขึ้นกว่าเดิม ราวกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าความหลังไม่ได้ถูกกักเก็บได้ง่ายๆ อย่างที่ผมหวัง
Sponsored Ads
———————
ใต้แสงดาวที่เฝ้าระวัง
เมื่อผมก้าวออกมาข้างนอกหลังจากพลิกป้ายเป็นคำว่าปิดทำการ ในค่ำคืนนี้ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ที่แจ่มใสทอดยาวอยู่เหนือศีรษะ ดวงดาวส่องสว่างและคมชัดกว่าปกติ ผมหยุดนิ่ง มองขึ้นไป
มีบางอย่างเกี่ยวกับความสว่างของดาวเหล่านั้นที่รู้สึกเหมือนมีเจตนา เหมือนกับว่าพวกมันกำลังเฝ้ามอง รอคอย
ลมพัดวูบหนึ่ง พาเสียงกระซิบเบาๆ ที่ทำให้ขนลุกวาบผ่านตัวผม
[มันยังไม่จบ…]
ผมกำพระสมเด็จที่ห้อยคอแน่น ก่อนจะล็อกประตูร้านไว้ข้างหลัง ความหนักอึ้งของอนาคตถาโถมลงมา ไม่ต่างจากเสียงสะท้อนของอดีตที่ยังคอยหลอกหลอนอยู่ในใจ