061-คืนที่ยังไม่หลับ แต่เริ่มได้ยิน

พัดลมส่งเสียงเหมือนกำลังจะตายเหมือนทุกครั้ง เหมือนกับว่ามันไม่อยากทำงาน แต่ก็ไม่อยากหยุดเช่นกัน

ฉันกลับมาอยู่ที่ห้องแล้ว เก้าอี้ตัวเดิม หน้ากระดาษเปล่าเหมือนเดิม แมวตัวเดิมนั่งอยู่บนชั้นเหมือนเดิม มองฉันแบบที่เหมือนฉันติดหนี้ค่าลิขสิทธิ์เขา

Sponsored Ads

ลาเต้กระพริบตาหนึ่งที เหมือนเขารู้ว่าคืนนี้ฉันคงจะไม่เขียนอะไร

…ยกเว้นว่าฉันอาจจะเขียนก็ได้

ฉันหยิบสมุดขึ้นมา แต่ยังไม่เปิด ฉันฮัม ไม่ใช่ทำนอง ค่…รูปทรงบางอย่างของเสียง

แล้วก็คำหนึ่ง

🎶 “Dreamer…” 🎶

ฉันหยุด ลิ้มรสคำนั้นเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง มันไม่รู้สึกเหมือนคำที่เขียนขึ้น แต่มันเหมือนคำที่…ถูกทิ้งไว้ เหมือนกัยว่าฉันเจอมันใต้แผ่นไม้ปูพื้นที่หลวม ๆ แผ่นหนึ่ง

ฉันขีดคำนั้นลงบนหน้าหลังสุดของสมุด ไม่ใช่เนื้อเพลง แค่คำนั้น แล้วก็ตามมาด้วยวลีหนึ่ง ไม่ได้คิดก่อน ปล่อยให้ปากกามันเขียนเอง

🎶 “They call me dreamer. I want you to dream on Dreamer” 🎶

แล้วก็เงียบ

ฉันเคาะปลายปากกากับเข่าทีละจังหวะ หนึ่งครั้ง สองครั้ง

ลาเต้ส่งเสียงเหมือนกำลังตัดสินฉันด้วยขนทั้งตัว

“ยังไม่ให้ใครดูนะ” ฉันพูด “ยัง”

เขาไม่กระพริบตาแม้แต่นิดเดียว

หน้าต่างสั่นเบา ๆ ข้างนอกมีมอเตอร์ไซค์สองคันแฝดเสียงกลางดึก คืนปกติในกรุงเทพ  ถึงแม้ที่นี่จะเป็นกรุงเทพอภิวัฒน์ก็ตาม

ยกเว้นว่าคืนนี้ ฉันเขียนอะไรลงไป และเป็นครั้งแรกในรอบนาน… มันไม่ได้มาจากความทรงจำ แต่มาจากเธอ

จากใครบางคนที่ยืนอยู่ฐานกำแพง แล้วพูดว่า

“ถ้าฉันปีนล่ะ?”

Sponsored Ads

———————

คำที่ไม่ตั้งใจ

เช้านี้ฉันไม่ได้แต่งเพลง …ฉันแค่ “นึกออก” ซึ่งด้วยเหตุผลบางอย่าง มันรู้สึกเหมือนโกงยังไงก็ไม่รู้

มันเริ่มขึ้นระหว่างจิบกาแฟอึกที่สอง กับจังหวะที่ลาเต้สะบัดหางแล้วกวาดใบเสร็จเก่า ๆ ลงจากโต๊ะ เหมือนเขาขุ่นเคืองที่ฉันยังงบไม่พอใช้

ฉันเปิดสมุด ไม่ใช่เล่มใหม่ แต่เล่มเก่า
เล่มที่เขียนไว้หน้าสามว่า “ห้ามเปิด — มึงเตือนตัวเองแล้วนะ”

แล้วมันก็อยู่ตรงนั้น หมึกสีน้ำเงินซีด ๆ ลายมือเหมือนปากกาใกล้ตาย:

🎶 They call me dreamer They call me dreamer สักวันจะไปให้ถึงฝัน”🎶

ฉันไม่ได้เขียนมันเร็ว ๆ นี้แน่ เอาจริง ๆ ฉันไม่ได้เขียนมันที่โลกนี้ด้วยซ้ำ

มันมาจาก… “ก่อนหน้านั้น”

ซึ่งทำให้มันยิ่งประหลาด ที่ฉันยังจำจังหวะมันได้ เหมือนสมองมีตู้เพลงลับ ที่ไม่เคยเสียค่าลิขสิทธิ์

ฉันมองหน้ากระดาษเหมือนมันจะหลอกฉัน

“ดีเลย” ฉันบ่น “คราวนี้เราลอกตัวเองข้ามจักรวาลละ”

ลาเต้ส่งเสียงออกมา ฟังไม่ออกว่าเป็นถอนหายใจหรือเสียงเขาเลียขน

ท่อนฮุคมันชัดเกินไป สมบูรณ์เกินไป ซึ่งโดยปกติ มันหมายความว่ามันจะกลับมาอีก

ฉันเลยเขียนบรรทัดเดียวไว้ข้างบน:

“เจ้ากระต่ายน้อย”

ไม่ใช่เพราะมันฉลาด ไม่ใช่เพราะมันลึกซึ้ง แต่เพราะ ถ้ามีใครจะร้องเพลงนี้ให้มันมีชีวิตอีกครั้ง

มันคงไม่ใช่ฉัน มันคือ เธอ

ฉันมองลาเต้ เขากำลังนั่งอยู่บนกองกระดาษเนื้อเพลงที่ฉันทิ้งไว้สองสัปดาห์แล้ว สายตาเหมือนจะบอกว่า อีกแล้วเหรอ

“ฉันไม่ได้จะแต่งให้เสร็จวันนี้นะ” ฉันพูด

เขากระพริบตา

“พูดจริง ๆ ไม่มีฮุค ไม่มีท่อนเชื่อม อาจจะมีแค่ท่อนเดียว”

หางเขากระดิกหนึ่งที

“…โอเค ยังไม่มีก็ได้ ยัง”

เขากระโดดขึ้นมาบนสมุด แล้วจอดตัวทับหน้ากระดาษนั้น เหมือนแมวที่มายึดครองลิขสิทธิ์ทางอ้อม

ฉันเลยปิดมันลง

ไม่ใช่เพราะแต่งเสร็จแล้ว แต่เพราะในที่สุดฉันก็รู้ว่าเพลงนี้จะ เริ่มจากตรงไหน

แล้วแค่นั้น ก็พอสำหรับวันนี้

Sponsored Ads

———————

เพลงที่ยังไม่มีใครได้ยิน

วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเขียนเพลง

พูดกับตัวเองไว้แบบนั้น พูดกับลาเต้แล้วด้วย พูดกับพัดลม พูดกับเงาใบแจ้งหนี้ค่าไฟเมื่อเดือนก่อนที่ยังติดอยู่ตรงตู้เย็น

แต่สุดท้าย…ก็เขียนอยู่ดี

คีย์บอร์ดส่งเสียงฮึมเบา ๆ แบบแบนกว่าความหวังของฉันเล็กน้อย ฉันปรับรีเวิร์บลง ลดเกน แตะคีย์หนึ่งตัว แล้วอีกตัว

คอร์ดง่าย ๆ เปิดโล่ง เป็น ไมเนอร์  7 ฟังดูไม่พยายามจะให้รัก แค่ขอฟังเฉย ๆ ก็พอ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย แค่นั่งพิมพ์

🎶 “กาลครั้งหนึ่งในดินแดนแสนไกล มีอาณาจักรของกระต่ายที่อุดมสมบูรณ์
ไร้ซึ่งอันตราย มีกำแพงรายล้อมสูงใหญ่ และเจ้ากระต่ายตัวน้อยตัวหนึ่งมองขึ้นไป มันตั้งคำถามและได้แต่สงสัย ว่าข้างนอกนั้นมันมีอะไร ทำไมถึงไม่มีใครกล้าข้ามไป”
🎶

ฉันหยุด

มันดีเกินกว่าจะเป็นประโยคแรก

ซึ่งมักจะแปลว่า  มันไม่ใช่ “ประโยคแรก” จริง ๆ

ลาเต้จ้องฉันจากชั้นวางของ หูข้างหนึ่งกระตุกเหมือนจะมีคอมเมนต์เชิงบรรณาธิการ

“อย่ามองแบบนั้นน่า” ฉันบ่น “ฉันก็ไม่ได้จดลิขสิทธิ์พระจันทร์ซักหน่อย”

ฉันเขียนต่อ

จังหวะเริ่มตามมา คิก-สแนร์นุ่ม ๆ แบบเสียงเท้าเดินในทุ่งหญ้าสูง

แล้วก็ถึงก่อนท่อนฮุค

🎶 “Ooh, กำแพงนั้นสูงเกินพรรณนา Ooh, เจ้าอย่าคิดท้าทายดวงชะตา” 🎶

นิ้วฉันไม่หยุด

พวกมันรู้จังหวะก่อนที่ฉันจะรู้ตัวด้วยซ้ำ เหมือนมีใครกดปุ่ม “เล่น” จากข้างในหน้าอก

🎶 “They call me dreamer They call me dreamer สักวันจะไปให้ถึงฝัน Dreamer” 🎶

ฉันชะงักอยู่ตรงปุ่ม “เซฟ”

ไม่ใช่ “ปล่อย” ไม่ใช่ “อัปโหลด” แค่… “เซฟ”

ลาเต้กระพริบตาช้า ๆ เหมือนจะบอกว่า  ก็ไม่แย่

ฉันกดบันทึก

ชื่อไฟล์: TOTB_dv1.mp3

ยังไม่มีใครได้ยินมัน

ยัง

แต่จะมี และเมื่อมีใครสักคนได้ฟัง เขาจะรู้ว่า มันไม่ใช่แค่เพลง

มันคือจุดเริ่มต้นของการปีนข้ามกำแพงนั้น

Sponsored Ads

———————

ลองฟังดู

ฉันจ้องไฟล์ แล้วก็จ้องปุ่ม “ส่ง”

แล้วก็จ้องลาเต้ แล้วก็กลับมาจ้องไฟล์อีกที

มีแท็บเปิดอยู่ห้าแท็บ ไม่มีอันไหนเกี่ยวข้องเลย หนึ่งในนั้นคือวิธีต้มไข่ลวกไม่ให้ร้องไห้
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเข้าไปอ่านตั้งแต่เมื่อไร

เดโมเพลงนอนอยู่ในโฟลเดอร์ ใช้ชื่อที่เหมือนจะพยายามไม่ให้ใครสังเกตเห็น

TOTB_dv1_final.mp3

ใช่ “final” ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า “final” น่ะ โกหกตัวเองชัด ๆ มนุษย์เราชำนาญเรื่องนี้ดี การโกหกแบบมืออาชีพ

ฉันเปิดอีเมลเปล่า ๆ ขึ้นมา พิมพ์ว่า

“พี่ต้นครับ ฝากลองฟังเพลงนี้หน่อยครับ”

แล้วลบ “ครับ” ทิ้ง ใส่กลับเข้าไป ลบ “พี่ต้น” เปลี่ยนเป็น “คุณโอ”
กด backspace ทิ้งหมด ปล่อยให้เคอร์เซอร์กระพริบอยู่อย่างกับมันกำลังตัดสินฉัน

ลาเต้กระโดดขึ้นโต๊ะ เดินข้ามคีย์บอร์ดแล้วนั่งลงบนปุ่ม space bar

ขอบใจมาก

ข้อความกลายเป็น

“พี่ต้นครับ ฝากลองฟังเพลงนี้หน่อยครั      บ ”

ดูดีเหมือนพิมพ์ตอนหลับ

ฉันอุ้มเขาออกมาเบา ๆ วางไว้ข้างแก้ว เขาหันมามองฉันด้วยสายตาแบบเดิม สายตาแบบ นายก็รู้ ว่าควรทำอะไร

ฉันถอนหายใจ พิมพ์ไปหนึ่งประโยค

“ลองฟังดู”

แนบไฟล์

หยุดมือ

เลื่อนเมาส์ไปที่ “ส่ง”

หยุดอีกที

ลาเต้ยื่นเท้ามาแตะมุมจอ

ฉันคลิก “บันทึกฉบับร่าง”

ไม่ใช่ “ส่ง” แค่ “ฉบับร่าง”

สำหรับคืนนี้ แค่นั้นพอแล้ว

เขาขดตัวอยู่บนคีย์บอร์ดเหมือนชนะอะไรสักอย่าง ฉันเอนหลัง มองเพดาน

“พรุ่งนี้ละกัน” ฉันพูด

เขาไม่ขยับ แต่ฉันรู้ว่าเขาได้ยิน

Sponsored Ads

เจ้ากระต่ายน้อย (Tale of the bunny)
LUSS