แสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากสัญลักษณ์บนพื้นเต้นเป็นจังหวะเหมือนหัวใจ มันฉายเงายาวและหยักไปทั่วกำแพงที่แตกร้าว ผมนั่งยอง ๆ ข้างสัญลักษณ์ที่เรืองแสง พลางใช้ไฟฉายค่อยๆ ส่องลากไปตามขอบของมัน เส้นสายเหล่านั้นดูเหมือนจะกระเพื่อมภายใต้แสงไฟ ราวกับว่ามันมีชีวิต
Sponsored Ads
“นี่ไม่ใช่แค่กราฟฟิตี้มั่ว ๆ” ผมพูดเสียงแผ่วเบาแต่มั่นคง “มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจ—เพื่อดึงอารมณ์ออกมาและขยายมันให้รุนแรงขึ้น”
หลินยืนอยู่ข้างหลังผม ไขว้แขนกอดอกและขมวดคิ้ว “ขยายเพื่ออะไร?”
“คิดซะว่าเหมือนแว่นขยายทางจิตวิญญาณ” ผมตอบ “ความเสียใจ การทบทวนตัวเอง ความหวังในช่วงปีใหม่—ทุกอารมณ์ที่รุนแรง พวกนี้คือเชื้อเพลิงที่มันดูดซับ ลำโพงที่งานปาร์ตี้ก่อนหน้านี้เป็นแค่ตัวขยายเสียง” ผมชี้ไปที่สัญลักษณ์ “นี่คือแหล่งพลังงานหลัก”
ก่อนที่หลินจะทันตอบ แรงสั่นสะเทือนต่ำ ๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วอาคาร ฝุ่นผงร่วงลงมาจากเพดาน และเสียงสะท้อนแผ่วเบาที่ผสมระหว่างเสียงหัวเราะและเสียงสะอื้นดังแว่วมาจากทั่วห้อง
Sponsored Ads
———————
วิญญาณปรากฏตัว
แสงของสัญลักษณ์ทวีความรุนแรงขึ้น และอากาศในห้องก็หนักหน่วงจนหายใจลำบาก ร่างจางๆ เริ่มปรากฏขึ้นที่กลางห้อง มันสั่นไหวเหมือนภาพลวงตาก่อนจะเริ่มชัดเจนขึ้น เป็นรูปร่างของคนงานโรงงานหนุ่มในชุดเปื้อนเขม่าสีดำ ใบหน้าซีด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว และเคลื่อนไหวเหมือนถูกขังอยู่ในวงจรซ้ำๆ
ริมฝีปากของวิญญาณขยับ แต่เสียงที่ออกมาห่างไกลและบิดเบือน
[ไฟ… ฉันทำอะไรไม่ได้… พวกเขาติดอยู่ข้างใน… ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน…]
“เป็นวิญญาณ” หลินพูด เสียงของเธอคมชัดด้วยความเข้าใจ เธอส่งสัญญาณให้ทีมเตรียมเครื่องมือกักกัน แต่ผมรีบยกมือขึ้นห้าม
“รอก่อน” ผมพูด “มันไม่ได้เป็นอันตราย มันแค่ติดอยู่”
วิญญาณยังคงกระซิบแผ่วเบา เดินวนไปวนมาอยู่หน้าสัญลักษณ์เหมือนกำลังเล่นซ้ำช่วงสุดท้ายของชีวิต
ผมเอียงศีรษะแล้วตะโกนถาม “ทำไมพวกคุณถึงยังติดอยู่ในนี้? ไม่ออกไปเที่ยวงานปีใหม่ข้างนอกล่ะ!”
วิญญาณหยุดเดินชั่วครู่ และหลินก็จ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจ “นี่มันใช่เวลาเล่นมุกตลกหรือไง?”
“อารมณ์ขันช่วยลดความตึงเครียดได้” ผมพึมพำ แต่สายตายังจ้องวิญญาณอยู่ “ถ้าเราสามารถทำลายวงจรที่มันติดอยู่ได้ พลังของสัญลักษณ์อาจอ่อนลง”
Sponsored Ads
———————
สัญลักษณ์ตื่นขึ้น
เหมือนราวกับว่าเป็นการตอบรับ แสงจากสัญลักษณ์ลุกโชนขึ้น ส่งคลื่นความร้อนแผ่กระจายไปทั่วห้อง วิญญาณร้องออกมา จับศีรษะตัวเอง และกำแพงโรงงานดูเหมือนจะมีชีวิต เงาหมุนวนเป็นรูปร่างไม่ชัดเจนที่สูงตระหง่านเหนือทีม เสียงสะอื้นสะท้อนกลายเป็นเสียงดังสับสน
หลินสั่งการทีมเสียงหนักแน่น “เปิดสนามพลัง! เน้นเขตป้องกันรอบสัญลักษณ์ไว้!”
ในขณะที่ผมนั่งยอง ๆ อยู่ใกล้ขอบสัญลักษณ์ ผมก็หยิบมีดหมอออกจากกระเป๋า ใบมีดเปล่งแสงจาง ๆ “เราต้องตัดการเชื่อมต่อระหว่างมันกับพลังงานที่มันดึงมา ผมจะสลักยันต์ใหม่เพื่อขัดขวางกระแสพลังงาน”
พื้นใต้สัญลักษณ์แตกร้าว ปล่อยแสงสีแดงออกมาคล้ายลาวาเรืองแสง ร่างของวิญญาณกรีดร้อง สั่นไหวรุนแรง และแรงกดดันในห้องก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กดดันผมขณะที่กำลังทำงานอย่างเร่งรีบ
Sponsored Ads
———————
การต่อสู้ของเจตจำนง
ผมเริ่มแกะสลักยันต์ปกป้องลงบนพื้นรอบสัญลักษณ์ที่เรืองแสง วิญญาณนั้นพุ่งเข้าหา มือโปร่งแสงของมันตะกุยคว้าในอากาศ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังสะท้อนถึงความเจ็บปวด ก่อนที่มันจะถึงตัวเขา หลินก้าวขึ้นมาพร้อมกับดึงเครื่องกักกันขนาดเล็กจากเข็มขัดของเธอ เครื่องกักกันในมือปล่อยโล่พลังงานสร้างสนามพลังที่ส่องแสงระยิบระยับ บังคับให้วิญญาณถอยกลับ
“วันนี้ไม่ใช่วันของแก” หลินพูดหนักแน่น เสียงของเธอตัดผ่านความโกลาหล วิญญาณถอยหลัง รูปร่างของมันกระพริบถี่ ๆ เมื่อถูกครอบด้วยสนามพลังจากอุปกรณ์ของหน่วยม่าน
สัญลักษณ์มันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ คลื่นพลังงานดิบกระเพื่อมแผ่กระจายออกมา ผลักเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของหลินจนเสียหลัก อุปกรณ์กักกันกระเด็นลงบนพื้น ส่งเสียงดังพร้อมประกายไฟที่ระเบิดออกมาชั่วครู่
ผมยังคงนั่งยอง ๆ จดจ่อสมาธิในขณะที่สลักยันต์ต่อไป ทุกครั้งที่มีดหมอขีดไป ลายเส้นยันต์นั้นส่องแสงจาง ๆ ใบมีดเริ่มร้อนขึ้นภายใต้แรงกดดันจากพลังงานของยันต์ที่สลัก
เสียงในห้องดังขึ้นเรื่อย ๆ ทับซ้อนกันจนกลายเป็นเสียงคำรามทรมาน เงาที่พาดผ่านกำแพงเต้นไหวเหมือนวิญญาณที่ไร้ความสงบกระสับกระส่าย รูปร่างที่บิดเบี้ยวแสดงความโกรธและความเสียใจ วิญญาณที่ติดอยู่กุมศีรษะของมันก่อนจะทรุดลงคุกเข่า เสียงแตกพร่าในขณะที่มันร้องไห้
[ฉันทำพลาด! ฉันทำให้ทุกคนล้มเหลว…]
“คุณไม่ได้ทำพลาด” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง แม้เหงื่อที่หยดลงบนหน้าผากจะบ่งบอกถึงความพยายามอย่างหนักในการพูด “คุณถูกขังไว้เหมือนพวกเขา แต่ตอนนี้คุณปล่อยวางได้แล้ว”
Sponsored Ads
———————
แตกหัก
แสงสีแดงจากสัญลักษณ์สว่างจ้า ความสว่างแผ่ไปทั่วห้องในขณะที่พลังงานพยายามต่อต้านการแกะสลักลายเส้นของยันต์ ความกดดันหนักหน่วงจนแทบทำให้ผมหายใจไม่ออก อากาศสั่นสะเทือนด้วยเสียงฮัมต่ำที่น่าขนลุก
หลินย่อตัวลงข้าง ๆ ผม ถืออุปกรณ์กักกันอย่างมั่นคงในขณะที่มันพยายามยับยั้งวิญญาณ “คุณทำอะไรก็รีบทำให้เสร็จตอนนี้”
ด้วยการแกะสลักครั้งสุดท้ายอย่างแม่นยำ ผมก็สลักยันต์ใหม่แล้วเสร็จ เส้นของสัญลักษณ์เดิมเริ่มแตกร้าวจากตรงกลาง แสงสีแดงลุกโชนก่อนจะเลือนหายไปเหมือนถ่านไฟที่กำลังมอด คลื่นพลังงานกระจายออกมาอย่างรุนแรง เขย่าห้องและส่งอากาศเย็นพุ่งผ่านพวกเขา
วิญญาณหยุดนิ่งกลางเสียงสะอื้น รูปร่างของมันสั่นกระพริบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสลายไปเป็นละอองแสงละเอียด น้ำหนักที่กดทับในห้องหายไป เหลือไว้เพียงความเงียบสงัดที่น่าประหลาด เสียงสะท้อนหายไป แทนที่ด้วยความสงบที่แฝงไปด้วยความแปลกประหลาด
หลินลดอุปกรณ์กักกันลง ไหล่ของเธอคลายลงเมื่อภัยคุกคามตรงหน้าสงบลง “มันจบแล้วหรือยัง?” เธอถามเสียงเบาลง
“ตอนนี้จบแล้ว” ผมตอบ พลางเช็ดหน้าผากด้วยหลังมือ ผมเอื้อมไปจับพระสมเด็จที่แขวนอยู่ที่คอ แสงทองจางๆ ของมันลดลงเมื่อความตึงเครียดในห้องผ่อนคลายลง “แต่เราควรกลับไปตรวจสอบลำโพงที่ร้าน ถ้ามันเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย อาจมีอย่างอื่นที่เหมือนกัน”
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ขณะที่หน่วยม่านเริ่มเก็บอุปกรณ์ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของหลินกระซิบเบา ๆ ด้วยความกังวล “มีใครได้ยินเสียงนั้นไหม?”
หลินหันขวับ มือของเธออยู่ใกล้กับปืนพลาสม่าประจำตัว เสียงกระซิบแผ่วที่สุดแผ่ไปในอากาศ
[มันไม่มีวันจบ ความเสียใจไม่มีวันจางหาย…]
หลินมองมาที่ผม และครั้งนี้ผมไม่ได้พูดอะไรตลกเพื่อลดความตึงเครียด ห้องที่ดูเหมือนสงบลงไปแล้วกลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกลั้นลมหายใจเพื่อรอสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา