NOVEL / The Signal Beyond the Veil · November 12, 2024 0

002- aPhone ต้องคำสาป (ติดอยู่ในระบบ)

เช้าวันรุ่งขึ้น เต๋าดูแย่ลงไปอีก ผมยุ่งกระเซอะกระเซิง ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเผือดอย่างคนที่ดื่มกาแฟมากเกินไปแต่ได้นอนน้อยเกินควร

“โทรศัพท์มันสั่นทั้งคืน” เขาพึมพำขณะเปิดประตูให้ผมเข้าไป “ผมสาบานได้เลยว่ามันพยายามจะฆ่าผม”

Sponsored Ads

“ใจเย็นๆ” ผมพูด แม้ในใจจะไม่ได้สงบอย่างที่พูด “โทรศัพท์ฆ่าคนไม่ได้หรอก หากไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดีก่อน”

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟา ดึง aPhone ต้องคำสาปออกมาแล้วเปิดเครื่อง มันส่งเสียงหึ่งๆ ราวกับตื่นเต้นที่ได้เจอผมอีกครั้ง การแจ้งเตือนหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด เป็นร้อยๆ ข้อความจนหน้าจอค้างกับข้อความเดียวที่ดูน่ากังวล

[ก็อก ก็อก เต๋า]

เต๋าเบ้หน้า “มันส่งข้อความพวกนี้ไปหาคนในรายชื่อผมหมดเลย ป้าผมคิดว่าเป็นมุกเล่น แฟนเก่าก็บล็อกผมไปแล้ว”

“ผู้หญิงฉลาด” ผมพึมพำ พลางเลื่อนดูข้อความไม่รู้จบ ผมหยุดเมื่อเปิดไปถึงโฟลเดอร์รูปภาพ บัญชีโซเชียลของเต๋าโพสต์รูปของเขา แต่ไม่ใช่แบบที่คุณอยากแชร์ ในแต่ละรูป เต๋าดู… แปลกไป และทุกภาพมีเงามืดยืนอยู่ใกล้เกินควร บางครั้งในกระจก บางครั้งก็ในเงาสะท้อนหน้าจอแล็ปท็อป

“คุณไม่ได้ถ่ายรูปพวกนี้ใช่ไหม?” ผมถาม

เต๋าส่ายหัวแรงๆ “แน่นอนว่าไม่! ผมจำได้นะถ้าต้องไปยืนข้างปีศาจเงาแบบนั้น!”

นั่นก็จริง

โทรศัพท์ยังคงสั่นไม่หยุดในมือผม ความรู้สึกในท้องบอกว่านี่ไม่ใช่การผีสิงธรรมดา มันมีบางอย่างจงใจทำให้เกิดขึ้น วิญญาณไม่ได้มาแฝงในโทรศัพท์เพราะความสนุก ใครบางคนใส่มันเข้ามาด้วยความตั้งใจ

“โอเค” ผมพูด ขณะลุกขึ้นยืน “เราต้องหาที่มาของมันให้ได้”

Sponsored Ads

———————

**ร้านไร้ชื่อ**

ร้านมือสองที่เต๋าซื้อโทรศัพท์มาอยู่ในซอยเล็กๆ ใกล้ตลาดนัดสุดสัปดาห์ เป็นร้านที่แม้ในวันที่ดีที่สุดก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนมีคำสาป ป้ายไม้บิดเบี้ยวตัวอักษรซีดจาง แกว่งไปมาเล็กน้อยในอากาศชื้น

ผมผลักประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งดังขึ้น แม้ว่าเสียงจะแหลมและน่ารำคาญ เหมือนคำเตือนมากกว่าการต้อนรับ

“มีใครอยู่ไหม?” ผมตะโกนถาม

ในร้านเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เก่า พระเครื่องที่เต็มไปด้วยฝุ่น และชั้นวางของที่ไม่มีใครมีสติครบถ้วนอยากจะได้ กลิ่นเหมือนเชื้อราผสมกับธูป บ่งบอกว่ามีพิธีกรรมประหลาดเกิดขึ้นหลังร้านในยามดึก

ไม่มีใครตอบ ร้านดูเหมือนถูกทิ้งร้างไปแล้ว แต่ไม่ใช่เมื่อนานมาแล้ว บนเคาน์เตอร์มีผ้ายันต์แขวนอยู่ พร้อมสัญลักษณ์คาถาป้องกันภัย ใครก็ตามที่เคยอยู่ที่นี่รู้ดีว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร แต่พวกเขาไม่อยากอยู่รับมือกับมันนานมากเกินไป

ผมลูบผ้ายันต์ รู้สึกถึงพลังงานบางเบาที่ส่งผ่านออกมา คนที่เคยเป็นเจ้าของร้านนี้รู้เรื่องพวกนี้ดี แต่ตัดสินใจไม่เผชิญหน้ากับมัน

Sponsored Ads

———————

**พระสมเด็จ**

กลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของเต๋า ผมนั่งขัดสมาธิบนพื้นถือพระสมเด็จอยู่ในฝ่ามือ เต๋านั่งห่างๆ กอดหมอนแน่นเหมือนมันจะช่วยปกป้องเขาได้

“แน่ใจนะว่ามันจะได้ผล?” เขาถามเสียงสั่นๆ

“ไม่แน่ใจ” ผมตอบ ขณะถือพระสมเด็จไว้เหนือ aPhone ต้องคำสาป “แต่ลองดูหน่อยก็ไม่เสียหาย”

พระสมเด็จเป็นเครื่องรางแห่งปัญญา มีพลังเพียงพอให้ผมมองทะลุโลกกายภาพและเห็นถึงแก่นวิญญาณที่แฝงตัวอยู่ในโทรศัพท์ ผมพึมพำบทสวดเบาๆ  “บูระพารัสมิง พระพุทธะคุณัง บูรพารัสมิง พระธัมเมตัง …” แล้วจ้องไปที่หน้าจอดำของ aPhone

ตอนแรกผมเห็นแค่เงาของตัวเองที่บิดเบือนเล็กน้อยเพราะกระจกแตก แต่แล้ว… บางสิ่งก็ปรากฏขึ้น

ใบหน้าใบหน้าหนึ่ง 

ใบหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ ตาโบ๋กว้าง และปากที่แสยะยิ้มอย่างผิดธรรมชาติ วิญญาณพยาบาทถูกผูกมัดอยู่ในโทรศัพท์ ผมรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่แผ่ออกมาจากหน้าจอ ความโกรธที่เดือดพล่านและลึกล้ำที่ถูกผูกติดกับอุปกรณ์นี้ด้วยความตั้งใจ

มีสัญลักษณ์ลางๆ สลักอยู่มุมหนึ่งของหน้าจอ ฝังเข้าไปในระบบซอฟต์แวร์ของโทรศัพท์ นี่ไม่ใช่การผีสิงธรรมดา ใครบางคนต้องคำสาปโทรศัพท์เครื่องนี้ และพวกเขารู้ดีว่ากำลังทำอะไร

Sponsored Ads

———————

**คำสาปเปิดเผย**

“นี่ไม่ใช่ผีสิงธรรมดา” ผมพูดช้าๆ ขณะถือโทรศัพท์ไว้ในมือ “มีใครบางคนจงใจใส่วิญญาณนี้เข้ามา”

ดวงตาของเต๋าเบิกกว้าง “อะไรนะ? ทำไมต้องทำแบบนี้?”

“นั่นแหละคำถามสำคัญ” ผมพึมพำ “ผีไม่ได้มาแฝงใน aPhone เพราะความสนุกหรอกนะ มีคนสาปโทรศัพท์นี้และผูกวิญญาณไว้กับมัน ผมเดาว่า… มีคนอยากแกล้งคุณ แกล้งให้แย่ที่สุด”

เต๋าทรุดตัวพิงผนัง สีหน้าซีดเผือด “โอ้พระเจ้า แฟนเก่าผม ต้องเป็นพิมแน่ๆ เธอเป็นคนเดียวที่เกลียดผมขนาดนี้”

“คาดเดาไม่เลว” ผมพูดพลางลุกขึ้นยืน “แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป วิญญาณอาจจะชอบคุณจริงๆ หรือบางที… คุณอาจมีหน้าตาแบบที่ดึงดูดคำสาปก็ได้”

เต๋ามองผมอย่างสิ้นหวัง แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นมุกเหมือนกัน การนับถอยหลังบนโทรศัพท์กำลังนับถอยหลังเหลือเวลาอีก 48 ชั่วโมง และผมมีลางสังหรณ์ไม่ดีว่า ถ้าปล่อยให้ตัวเลขนี้นับถึงศูนย์ เต๋าคงไม่มีโอกาสมาเล่าให้ใครฟัง

Sponsored Ads

———————

**ข้อความมืด** 

ก่อนที่ผมจะกดปิดโทรศัพท์ มันก็สั่นอย่างรุนแรงในมือ การแจ้งเตือนใหม่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

[ข้อความใหม่: เปิดวิดีโอ?]

ผมจ้องหน้าจอ “ไม่ล่ะ คงไม่เปิดแน่ๆ”

แต่ก่อนที่ผมจะห้ามทัน เต๋ายื่นมือมากดเปิดการแจ้งเตือน หน้าจอมืดไปครู่หนึ่ง แล้ววิดีโอก็เริ่มเล่น 

ภาพในวิดีโอหยาบและถ่ายด้วยโทนขาวดำ แต่ผมไม่มีทางเข้าใจผิดแน่ว่ามันคืออะไร

งานศพ งานศพของเต๋า 

กล้องซูมไปที่รูปถ่ายหน้าโลงศพที่มีชื่อของเต๋า ผู้คนล้อมรอบในงานไว้อาลัย ขณะที่กล้องแพนไปทั่วห้อง ผมเห็นใบหน้าคุ้นๆ ในฝูงชน

เต๋า

หรืออย่างน้อยก็ ใครบางคนที่ดูเหมือนเต๋า เขายืนเงียบๆ อยู่ที่มุมห้องด้วยสีหน้าหวาดผวาแบบเดียวกับที่เห็นในรูปถ่ายต้องคำสาป เต๋าในวิดีโอค่อยๆ หันมามองกล้อง แล้วแสยะยิ้ม รอยยิ้มหลอนแบบเดียวกับที่ผมเห็นใน aPhone

วิดีโอจบลงด้วยเฟรมสุดท้ายที่ชวนขนลุก 

[เหลือเวลาอีก 48:00:00]

เต๋าจ้องหน้าจอ ใบหน้าซีดสนิท “นี่…หมายความว่ายังไง?”

ผมไม่มีคำตอบ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน เวลาเรากำลังจะหมดลง และถ้าผมหาทางแก้คำสาปนี้ไม่ทัน งานศพของเต๋าจะไม่ใช่แค่คลิปวิดีโอน่ากลัว 

“เอาล่ะ” ผมพูดพลางล้วงเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋า “เรามีเวลา 48 ชั่วโมงในการแก้เรื่องนี้”

เสียงของเต๋าสั่นเครือ “แล้วถ้าเราแก้ไม่ทันล่ะ?”

“ถ้าอย่างนั้น” ผมตอบ “คุณก็คงได้ไปงานศพของตัวเอง จากข้างในโลง”

Sponsored Ads

———————

**น่าตื่นเต้น**

เสียงนับเวลาถอยหลังเริ่มเดินขึ้นในหัวขณะที่ผมเก็บเครื่องมือใส่กระเป๋า 48 ชั่วโมงไม่ใช่เวลามากนัก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องรับมือกับเทคโนโลยีต้องคำสาปและวิญญาณอาฆาต แต่ผมเคยเจอเคสที่หนักกว่านี้มาแล้ว

หรืออย่างน้อย นั่นคือสิ่งที่ผมบอกกับตัวเอง 

แต่เมื่อผมเหลือบมองหน้าจอ aPhone ที่ยังเรืองแสงอยู่ในกระเป๋า ความรู้สึกไม่สบายใจยังคงแผ่ซ่านอยู่ในใจ นี่อาจจะไม่ใช่หนึ่งในเคสที่จะแก้ได้ง่ายๆ หรือจบลงด้วยโชคช่วยก็เป็นได้