NOVEL / The Signal Beyond the Veil · March 3, 2025 0

099-ภาพสุดท้าย (ความรักที่หายไป ความรักที่พบเจอ)

แรงดึงดูดของโลกกลับมาอีกครั้ง ความเป็นจริงพับเข้าหาตัวเอง ดึงผมกับหลินออกจากพื้นที่พิธีกรรมที่กำลังพังทลาย แต่ในช่วงเวลาแวบหนึ่ง—เพียงเสี้ยววินาที—ผมเห็นมิสเตอร์วาเลนไทน์เป็นครั้งสุดท้าย

Sponsored Ads

เขายืนอยู่คนเดียวบนขอบของห้วงลึกที่แตกร้าว เนคไทสีแดงเข้มของเขาห้อยอยู่นิ่งๆ ท่ามกลางสายลมที่กรีดร้องจากเงามืดที่กำลังพังทลาย รอยยิ้มอันแหลมคมและเจ้าเล่ห์ของเขา—ครั้งหนึ่งเคยมั่นใจและทรงอำนาจ—สั่นไหว ขณะที่รอยร้าวเริ่มลามไปทั่วร่างกายที่สมบูรณ์แบบราวกับงานแกะสลัก

สัญลักษณ์ได้คลายตัวออกแล้ว

ความรักที่เขาพยายามจะบิดเบือน กักขัง และใช้ประโยชน์ ได้หันกลับมาเล่นงานเขาเอง

“ไม่นะ” เขากระซิบ เสียงของเขาสั่นไหว “มัน…มันไม่ควรจะจบแบบนี้”

แต่ห้วงลึกไม่มีความเมตตา และเงามืดก็หันเข้าหาเขา—คว้า จับ ยื้อ และกลืนกิน ทรงผมเนี้ยบเรียบ ใบหน้าที่เคยยิ้มเยาะ ชุดสูทที่ไร้ที่ติ—ทั้งหมดสลายหายไปในความมืดมิดที่หมุนวนอย่างไร้ที่สิ้นสุด

คำพูดสุดท้ายของเขาลอยล่องอยู่ในอากาศ ราวกับเสียงสะท้อนที่ไม่มีวันจางหาย

“คุณทำลายความรักไม่ได้… คุณทำได้แค่ชะลอมันไว้เท่านั้น”

และจากนั้น—ห้วงลึกก็ปิดลง

เสียงที่ดังอย่างไร้เสียงระเบิดขึ้น และผมถูกเหวี่ยงกลับสู่ความเป็นจริงที่เย็นยะเยือกและหายใจไม่ออกของห้องเซิร์ฟเวอร์

Sponsored Ads

———————

กลับสู่พื้นโลก

ผมกระแทกพื้นอย่างแรง พื้นคอนกรีตเย็นเยียบและหยาบกร้านบาดฝ่ามือและเข่าของผม ประกายไฟระเบิดออกมาจากตู้เซิร์ฟเวอร์ที่เสียหาย กลิ่นไหม้ของพลาสติกและโอโซนอบอวลไปทั่วอากาศ

หลินตกลงมาข้าง ๆ ผม กลิ้งตัวโดยสัญชาตญาณไปอยู่ในท่าหมอบ ปืนพลาสม่ายังคงอยู่ในมือเธอ เสียงฮัมของแกนพลังงานยังดังแผ่วเบา

เจ้าหน้าที่หน่วยม่านกระจายกันอยู่ทั่วห้อง บางคนพิงชั้นวางเซิร์ฟเวอร์ที่ล้มระเนระนาด บางคนหลบอยู่หลังซากปรักหักพังที่มีควันลอยกรุ่น ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว อ่อนล้า—แต่ยังมีชีวิตอยู่

ที่เหนือศีรษะเรา กรอบรูปดิจิทัลที่เคยลอยอยู่ตกกระแทกพื้นแตกกระจาย หน้าจอแก้วแตกละเอียด แสงต้องคำสาปที่เคยเรืองรอง—มอดดับลง

เสียงของเจ้าหน้าที่รินดังขึ้นจากหูฟังของหลิน ชัดเจนและแฝงด้วยความโล่งใจ

“ผู้บัญชาการ สัญญาณพลังงานหยุดแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ส่งพลังให้กับพวกมัน…มันหายไปแล้ว กรอบรูปทั้งหมดกลายเป็นวัตถุเฉื่อย”

หลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลดปืนพลาสม่าพิสลงข้างตัว ไหล่ของเธอตกลงเล็กน้อย ความเหนื่อยล้าฉายชัดในแววตา

Sponsored Ads

สายตาของเธอจับจ้องมาที่ผม

“นายทำได้ดี นาวิน” เธอพูด เสียงของเธอเบาแต่หนักแน่น

ผมถอนหายใจออกอย่างสั่นเทา มือของผมสั่นเล็กน้อยขณะที่ผมคลายมือจากด้ามจับของมีดหมอใบมีดยังคงเรืองแสงจาง ๆ พลังงานสุดท้ายของพิธีกรรมยังคงไหลเวียนอยู่บนใบมีด

“ความกลัว ไม่ได้ชนะในวันนี้” ผมพูด เสียงแหบแห้ง

รอบตัวเรา แสงเล็ก ๆ เริ่มเรืองแสงขึ้นรอบๆ ตัวเรา—แสงสีทองอ่อนที่ส่องประกายระยิบระยับ

ในตอนแรก พวกมันลอยอยู่ใกล้กับกรอบรูปที่แตกละเอียด จากนั้นพวกมันก็ลอยขึ้นสู่เบื้องบน ราวกับหิ่งห้อยที่เปราะบางกำลังเต้นรำท่ามกลางความมืดมิด

นี่คือเศษเสี้ยวของวิญญาณคู่รักที่ถูกกักขังเอาไว้—พวกเขาถูกปลดปล่อยจากคุกในห้วงลึก ในที่สุดก็เป็นอิสระ

แสงของพวกเขาเติมเต็มห้องเซิร์ฟเวอร์ที่พังยับเยินด้วยความอบอุ่นอันอ่อนโยน และที่ไหนสักแห่งในระยะไกล ผมสาบานได้เลยว่าผมได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ

เสียงที่ทั้งสุขใจและเศร้าในคราวเดียวกัน

ท้ายที่สุด ความรักก็ได้เป็นอิสระอีกครั้ง

Sponsored Ads

———————

การกลับมาของคู่รัก

กลุ่มแสงสีทองระยิบระยับราวกับหิ่งห้อยจำนวนมาก ส่องประกายสว่างไสวเหนือซากปรักหักพังของตู้เซิร์ฟเวอร์ที่แตกกระจายและสายไฟที่ยังคงมีประกายไฟแผ่วเบา แสงอ่อนโยนเหล่านี้เจิดจ้าฝ่าหมอกควันและกลิ่นไหม้ที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ละแสงแบกรับน้ำหนักของชีวิตที่ถูกดึงกลับมาจากห้วงลึกแห่งความว่างเปล่า

แสงเหล่านั้นเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง ทีละดวง ทีละกลุ่ม เงาราง ๆ ของมนุษย์ที่ดูเหมือนเปลวเทียนที่สั่นไหวในสายลม

ชายหญิงคู่หนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มแสง มือของพวกเขาจับกันแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่พวกเขาสะดุดล้มลงสู่ความเป็นจริง อีกคู่หนึ่งปรากฏขึ้นใกล้ ๆ ทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจควบคุมได้

เสียงของเจ้าหน้าที่รินดังขึ้นจากหูฟังของหลิน แฝงไว้ด้วยความโล่งใจและไม่อยากเชื่อ “คู่รัก…พวกเขากลับมาแล้ว พวกเขายังมีชีวิตอยู่”

หลินถอนหายใจแรง ๆ ลดปืนพลาสม่าลงช้า ๆ เสียงฮัมเบา ๆ จากแกนพลังงานหายไป ความคมกริบในสายตาของเธอยังคงจับจ้องไปยังห้องที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ

ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ มีดหมอยังอยู่ในมือที่สั่นเทาของผม ท่ามกลางแสงที่หมุนวนและเสียงกระซิบแผ่วเบาของวิญญาณที่เป็นอิสระ ผมเห็นหนึ่งในร่างที่โดดเด่นออกมาจากคนอื่น ๆ

“ตั้ม” ร่างของเขาสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกับภาพบนจอที่ขัดข้อง ก่อนจะกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ดวงตาของเขากระพริบช้า ๆ—ขุ่นมัวและเลื่อนลอยในตอนแรก ก่อนที่ความชัดเจนจะกลับคืนมา

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างอ่อนแรง ก้าวย่างไม่มั่นคง ราวกับกำลังเรียนรู้ที่จะเดินอีกครั้ง เสื้อผ้าของเขายับยู่ยี่ ผิวซีดขาว และการเคลื่อนไหวของเขาดูสั่นคลอน ราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายบางส่วนออก

Sponsored Ads

“ตั้ม…” ผมพึมพำ เสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเหนือเสียงหึ่งของพลังงานที่หลงเหลืออยู่ในอากาศ

ศีรษะของตั้มหันมาทางผมช้า ๆ ริมฝีปากของเขาขยับ แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาในตอนแรก มือของเขาสั่นอยู่ข้างลำตัว หน้าอกของเขายกขึ้นและตกลงอย่างตื้นเขิน

“ที่นี่…?” เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า แตกเป็นเสี่ยง ๆ

ผมก้าวเข้าไปใกล้อย่างลังเล “คุณกลับมาแล้ว ตั้ม คุณปลอดภัยแล้ว”

สายตาของเขากวาดไปทั่วซากปรักหักพัง—ตู้เซิร์ฟเวอร์ที่มีประกายไฟแกว่งไกว เศษแก้วจากกรอบรูปที่แตกสลาย แสงสีซีดจากสัญลักษณ์ที่จางหายไปบนพื้น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ความสับสนและความโล่งใจปะปนกันอยู่บนใบหน้า

“เดือน… เดือนอยู่ไหน?” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเมื่อเอ่ยชื่อเธอ

ท้องของผมปั่นป่วน การพบกันอีกครั้งที่เขาปรารถนาอย่างสุดหัวใจจะไม่เกิดขึ้นที่นี่

“เธออยู่ที่บ้าน” ผมพูดเบา ๆ “เธอรอคุณอยู่”

ตั้มถอนหายใจแรง ๆ ไหล่ของเขาทรุดลง และหัวเข่าของเขาอ่อนแรง ผมรีบพุ่งเข้าไปคว้าแขนเขาไว้ก่อนที่เขาจะล้มลง

หลินเข้ามาช่วยทันที มือของเธอจับแขนอีกข้างของตั้มไว้มั่น เสียงของเธอหนักแน่นและมั่นคง “เจ้าหน้าที่ริน เรียกทีมแพทย์มาที่นี่ เดี๋ยวนี้”

เสียงในหูฟังตอบกลับมา “รับทราบ ผู้บัญชาการการ อีกสองนาทีถึงที่เกิดเหตุ”

ศีรษะของตั้มตกลงเล็กน้อย ลมหายใจของเขาสั่นขณะที่มือของเขากำแขนเสื้อผมไว้แน่น เสียงของเขาเบาหวิว ราวกับสายลมที่กำลังจะขาดหายไป “เธอรอผมอยู่… เดือนรอผมอยู่…”

“ใช่” ผมพูด เสียงเบาแต่หนักแน่น “เธอรอคุณอยู่ ตั้ม คุณจะได้เจอเธออีกครั้ง คุณกลับมาแล้ว”

หลินช่วยพาตั้มไปนั่งตรงพื้นที่ที่มั่นคงพอจะรองรับน้ำหนักได้ การสั่นของเขาค่อย ๆ ลดลงเมื่อทีมแพทย์มาถึง ตรวจชีพจรและเตรียมย้ายเขาออกจากห้องเซิร์ฟเวอร์ที่พังทลาย

Sponsored Ads

———————

ช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ

หลินและผมยืนอยู่ข้างกัน มองดูขณะที่ตั้มถูกพาออกไปจากห้อง ดวงตาของเขายังว่างเปล่า แต่ริมฝีปากของเขาขยับเป็นคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา

“เดือน… เดือน… เดือน…”

แสงสีทองจากวิญญาณที่เป็นอิสระยังคงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าที่มองไม่เห็น เหมือนดวงดาวที่กำลังจะดับลง รอบตัวเรา คู่รักคนอื่น ๆ ถูกพาตัวออกไป บางคนร้องไห้อย่างหนัก บางคนยังคงตกตะลึงเกินกว่าจะตอบสนอง

ผมใช้มือปาดใบหน้าของตัวเอง ถอนหายใจยาวอย่างอ่อนล้า

“พวกเขากลับมาแล้ว” ผมพูดเสียงแหบพร่า “พวกเขาทุกคนกลับมาแล้ว”

หลินกอดอก มองดูห้องที่พังยับเยิน สายตาของเธอยังคงคมกริบ แต่มันอ่อนโยนลงเล็กน้อย—ความโล่งใจบางเบา สายตาแห่งความหวังเลือนราง

แต่แม้ในขณะที่ผมพยายามโฟกัสไปที่ความสุขจากการได้เห็นตั้มปลอดภัย ความเย็นเยียบก็ยังคงเกาะกินสันหลังของผม

ห้วงลึกที่เราเผชิญ—เสียงกระซิบ สัญลักษณ์ ความหนาวเหน็บจากการปรากฏตัวของมิสเตอร์วาเลนไทน์—มันยังไม่หายไปจริง ๆ

ที่ไหนสักแห่ง ในอุปกรณ์ที่ถูกลืมเลือน หรือในวงจรที่หลับใหล บางสิ่งบางอย่างยังคงรอคอยอยู่ แต่ตั้มกลับมาแล้ว เขาจะได้กลับไปหามะลิอีกครั้ง

สำหรับตอนนี้…มันเพียงพอแล้ว

แต่เสียงกระซิบยังคงแว่วมาอีกครั้ง—เบา ๆ และเยือกเย็นเกินกว่าจะละเลยได้:

[ความรักเป็นนิรันดร์… ความว่างเปล่ากำลังรออยู่… อีกไม่นาน]