ถนนในกรุงเทพฯ เงียบกว่าปกติในค่ำคืนนั้น ขณะที่ผมเดินทางกลับไปยังร้านซาโตะซูชิ แสงไฟนีออนส่องแสงแปลกประหลาดสะท้อนตามตรอกที่ว่างเปล่า ผู้จัดการร้านได้จัดให้ผมเข้ามาตรวจสอบร้านหลังปิดเพื่อให้ไม่มีใครมารบกวน เมื่อพิจารณาถึงข้อความประหลาดและการหายตัวไปอย่างลึกลับของเชฟเคนจิ ผมก็รู้สึกว่าความเงียบจะช่วยให้ผมได้สืบหาต้นตอของสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
Sponsored Ads
ผมเดินเข้ามาในร้าน ล็อกประตูไว้ด้านหลัง ความเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยในร้านหายไป เปลี่ยนเป็นความเงียบที่รู้สึกได้ว่าหนักกว่าปกติ มีเพียงแสงสลัวจากห้องครัวที่ทอดเงายาวอยู่บนพื้น เหมือนกับว่าเงาเหล่านั้นพยายามจะหลบหนีออกไปทางประตูหลัง
“เอาล่ะ เชฟเคนจิ” ผมพึมพำ “มาดูกันหน่อยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่”
ผมพบ aPad วางอยู่บนเคาน์เตอร์ ชาร์จไฟอยู่ พอผมหยิบมันขึ้นมา หน้าจอก็สว่างขึ้นทันที แล้วข้อความนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
「一口ごとに深淵の味がする。」
[รสชาติของห้วงลึกอยู่ในทุกคำที่คุณกัด]
ผมขนลุก รู้สึกถึงความเย็นที่ซึมเข้ามาในกระดูก นี่ไม่ใช่แค่ข้อความของผี มันเป็นคำเตือนที่แฝงอยู่ในแต่ละตัวอักษร ผมเคยเจออุปกรณ์ที่ต้องคำสาปมาก่อน แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มันดูเป็นการกระทำที่เจาะจง ตั้งใจ
ผมวาง aPad ลง แล้วเดินสำรวจห้องครัวเพื่อหาสิ่งที่ดูผิดปกติ ทุกอย่างดูสะอาดเรียบร้อย แต่กลับให้ความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมันหยุดเวลาไว้ รอให้ใครสักคนมาปลุกให้มีชีวิตอีกครั้ง
เมื่อผมกำลังจะกลับไปที่ aPad แต่ก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เสียงเบา ๆ เหมือนเสียงมีดขูดกับเขียง เสียงกระทะกระทบกันเบา ๆ เหมือนมีคนกำลังเตรียมอาหารอยู่ในเงามืด หัวใจของผมเต้นแรง ผมมองไปรอบ ๆ แต่ห้องครัวกลับว่างเปล่า แต่เสียงนั้นยังคงดังอยู่ ราวกับมันลอยอยู่ตรงขอบของการได้ยินของผม
“ฮึ ทำให้คำว่า ‘ครัวผี’ มีความหมายใหม่จริง ๆ” ผมพึมพำ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเพื่อตั้งสติ
เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เหมือนมีคนกำลังหั่นผัก เสียงมีดกระทบเขียงเป็นจังหวะ ผมหันกลับไปอย่างรวดเร็ว หวังว่าจะเห็นเงาของใครสักคนที่ก้มหน้าลงทำงาน แต่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น นอกจากครัวที่ว่างเปล่าและภาพสะท้อนของตัวผมเองในตู้เย็นสแตนเลส
Sponsored Ads
———————
เงาของเชฟ
ผมหันกลับมาที่ aPad อีกครั้ง ปัดนิ้วผ่านหน้าจอ หวังจะหาเบาะแสถึงสิ่งที่ยึดวิญญาณของเชฟเคนจิไว้ที่ร้านนี้ ข้อความนั้นแสดงขึ้นมาเป็นคำพูดที่หมุนวน ดูเหมือนจะกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผมจ้องมันนานขึ้น
「私の芸術の味は…虚空に消え去り…風味は…忘れ去られた。」
[รสชาติ… งานศิลปะของฉัน… สูญหายไปในความว่างเปล่า… รสชาติ… ที่ถูกลืมเลือน]
ตัวอักษรที่บิดเบี้ยว เปลี่ยนไปเหมือนพยายามจะเรียบเรียงความคิดให้ชัดเจน แล้วทันใดนั้น หน้าจอก็ดับลง ผมพยายามแตะหน้าจอ แต่มันไม่ตอบสนองอีก เหมือนพลังงานที่ขับเคลื่อนมันหายไป
“เอาน่า ติดสักทีเถอะ” ผมบ่นพึมพำ พลางพยายามให้มันเปิดอีกครั้ง แต่หน้าจอยังคงมืด จากนั้นผมก็เห็นอะไรบางอย่างจากหางตา เงาวูบไหวผ่านปลายห้องครัวไป
ผมหันไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีเพียงเงาสะท้อนของมีดที่เรียงอยู่เป็นระเบียบบนเคาน์เตอร์ แต่ละเล่มเป็นประกายภายใต้แสงสลัว
Sponsored Ads
แต่แล้วผมรู้สึกถึงมัน ผมก็รู้สึกถึงลมหายใจเย็นเฉียบที่ต้นคอ ผมหันไปทันที แต่ก็ไม่เห็นใครอีก อุณหภูมิในห้องลดลงจนเห็นลมหายใจของตัวเองลอยอยู่ในอากาศ
“เอาล่ะ เชฟ” ผมพูด พยายามทำเสียงให้มั่นคง “ถ้าคุณอยู่ที่นี่ บอกให้ผมรู้หน่อยว่าคุณต้องการอะไร”
มีช่วงเวลาหนึ่งที่เงียบงัน เงียบจนรู้สึกเหมือนทั้งห้องกำลังกลั้นหายใจ แล้วเสียงนั้นก็กลับมา คราวนี้ดังกว่าเดิม เสียงมีดขูดเขียง เสียงกระทะ เสียงบางอย่างที่กำลังเดือดอยู่บนเตา
ขนที่หลังคอลุกชัน และผมรู้ตัวด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่านี่ไม่ใช่แค่เสียง มันเป็นความทรงจำ เป็นเสียงสะท้อนของเวลาที่เชฟเคนจิเคยอยู่ที่นี่ มีชีวิตและความมุ่งมั่นในความสมบูรณ์แบบของอาหาร แต่ตอนนี้อะไรบางอย่างที่มืดมนได้บิดเบือนความทรงจำเหล่านั้น ยึดมันไว้ที่นี่
ผมกลับมาที่ aPad อีกครั้ง พยายามให้มันเปิดอีกครั้ง คราวนี้เมื่อหน้าจอสว่างขึ้น ข้อความนั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง และคำพูดนั้นชัดเจนอย่างน่าขนลุก
「この印章が私を縛っている。それを破り、真実を味わってください。」
[สัญลักษณ์นั้นพันธนาการฉันไว้ จงทำลายมัน แล้วสัมผัสกับความจริง]
Sponsored Ads
———————
ความรู้สึกไม่สบายใจที่เพิ่มมากขึ้น
การพูดถึงสัญลักษณ์ทำให้ผมขนลุกวาบขึ้นมาทันที ผมเคยเจอสิ่งนี้มาก่อน…ในเคสแล็ปท็อปผีสิง สัญลักษณ์แห่งห้วงลึก (Abyss sigil) ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ธรรมดา มันถูกสร้างขึ้นอย่างเจตนาเพื่อผูกมัดหรือยึดบางสิ่งให้ติดอยู่กับโลกของเรา หรือกักขังมันไว้ ทำให้มันไม่สามารถข้ามผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์ หากมีสัญลักษณ์ซ่อนอยู่ในครัวแห่งนี้ ก็อาจเป็นเหตุผลที่วิญญาณของเชฟเคนจิยังคงลอยล่องอยู่อย่างสิ้นหวังและอาฆาตแค้น
ผมรู้สึกถึงความหนักหนาของสถานการณ์ที่เริ่มคืบคลานเข้ามา ผมกุมพระสมเด็จที่ห้อยอยู่ที่คอ ขึ้นมา พื้นผิวเรียบ ๆ ของมันช่วยให้ผมรู้สึกสงบขึ้น เป็นการเตือนถึงพลังการปกป้องที่มันมอบให้ เป็นการสร้างเกราะกำบังระหว่างตัวผมกับพลังงานมืดที่แทรกซึมอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ด้วยการป้องกันเหล่านี้ ผมรู้สึกว่ามีความกล้าเพียงพอที่จะเผชิญกับเงามืดที่ดูเหมือนจะเต้นเป็นจังหวะจากทุกมุมห้อง
ผมกวาดสายตาสำรวจห้อง พยายามมองหาว่าสัญลักษณ์อาจซ่อนอยู่ที่ไหน สัญลักษณ์พวกนี้มักจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ไม่สะดุดตา แต่ว่าครัวแห่งนี้ดูสะอาดเอี่ยม เรียบร้อยเป็นระเบียบทุกอย่าง มีดและหม้อแต่ละชิ้นส่องประกายภายใต้แสงไฟ
ทันใดนั้นไฟกะพริบ และผมเห็นการเคลื่อนไหวแวบหนึ่ง คราวนี้เป็นเงาผ่านด้านหลังผมโดยตรง หายไปอย่างรวดเร็ว ผมกำพระสมเด็จแน่นขึ้นโดยสัญชาตญาณ กดพระไว้ที่อก พลางสวดบทสวดเบา ๆ ผมรู้สึกถึงพลังอันอบอุ่น ๆ ที่แผ่ออกมาจากพระสมเด็จ ผมหันไปทางต้นเสียงโดยมี หวังจะได้เห็นบางสิ่งที่สามารถจับต้องได้ ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นร่างของเชฟเคนจิ แต่ห้องยังคงว่างเปล่า ยกเว้นเพียงพลังงานที่แปลกประหลาด และบรรยากาศที่หนักแน่นจนแทบทำให้หายใจไม่ออก
ผมสูดลมหายเข้าใจลึกๆ เพื่อเรียกสติ วาง aPad ลง แล้วเริ่มลูบไล้ตามขอบโต๊ะทำครัว ผนัง และด้านหลังเตาเผา หวังจะหาสัญลักษณ์บางอย่าง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่มีสัญลักษณ์แอบแฝง ไม่มีร่องรอยการสลัก ราวกับว่าอากาศในห้องครัวนั้นเองกำลังซ่อนคำสาปไว้
Sponsored Ads
ผมหันกลับไปมอง aPad ด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะกระซิบถาม “ตกลง เชฟ คุณต้องการให้ผมทำลายสัญลักษณ์นี้ แต่สัญลักษณ์มันอยู่ที่ไหนกันแน่?”
ราวกับเป็นการตอบ หน้าจอก็กะพริบ และข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้ง
「一口ごとに。すべての味の根源に。味わってみればわかる。」
[ในทุกคำที่ลิ้มลอง ที่รากของทุก ๆ รสชาติ ลองชิม แล้วคุณจะรู้]
ท้องของผมปั่นป่วน สิ่งที่ผูกมัดวิญญาณของเชฟเคนจิไม่ได้ฝังอยู่แค่สัญลักษณ์บนผนัง แต่มันฝังอยู่ในรสชาติ ในเทคนิค และสูตรอาหารที่เขาทิ้งไว้ การทำลายคำสาปนี้ไม่ใช่แค่การค้นหาสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ แต่ต้องเข้าใจความลับที่เขาซ่อนไว้ในอาหารของเขา
ขณะที่ผมจ้องมองที่ aPad ความเย็นยะเยือกก็แผ่ซ่านมาอีกครั้ง คราวนี้เย็นกว่าครั้งก่อน เงาดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง เป็นรูปร่างที่ยืนอยู่ตรงขอบสายตาของผม ครั้งนี้มันไม่หายไป มันยืนเฝ้าดูผม—ร่างเงาที่นิ่งเงียบอยู่ข้างเตา มือข้างหนึ่งยกขึ้นราวกับกำลังถือมีด ดวงตาที่ว่างเปล่าของมันจ้องมองมาที่ผม
หัวใจผมเต้นรัว ผมกำพระสมเด็จแน่นขึ้น เพื่อเตือนตัวเองว่าผมยังมีการป้องกัน ผมพึมพำบทสวดอีกครั้ง เสียงของผมต่ำและมั่นคง รู้สึกถึงความอบอุ่นของพระสมเด็จที่สั่นสะเทือนอยู่บนผิวหนัง เงาดูเหมือนจะลังเล รูปร่างของมันสั่นไหว ราวกับว่ามันรับรู้ถึงพลังที่คุ้มครองผม
ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวของผม—วิญญาณของเชฟเคนจิไม่ได้แค่หลอกหลอนในสถานที่นี้ แต่มันถูกผูกมัดกับความชำนาญในการทำอาหารของเขา ผูกมัดไว้กับครัวและอาหารที่เขาเคยทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อให้สมบูรณ์ และความหลงใหลนั้นได้กลายเป็นคำสาป เป็นความอาฆาตที่ฝังอยู่ในแก่นแท้ของร้านอาหาร
ผมรู้สึกได้ถึงความเคียดแค้นของเขาในอากาศ ความขมขื่นที่ฝังลึก ราวกับว่าทุกงานทุกชิ้นส่วนของชีวิตที่เขาทุ่มเทถูกแปดเปื้อนด้วยพลังมืดใดๆ ก็ตามที่เขาเรียกมาเพื่อสืบทอดผลงานของเขา และหากผมต้องการตัดการเชื่อมโยงของเขากับสถานที่นี้ ผมต้องสำรวจถึงรากเหง้าของผลงานนั้น
เงาจางหายไป ทิ้งให้ครัวอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แต่ผมรู้ว่ามันจะไม่หายไปนานนัก
Sponsored Ads
———————
น่าตื่นเต้น
ผมถอยหลังออกมา มือยังคงกำพระสมเด็จไว้แน่น ในขณะที่ความคิดในหัวผมหมุนวุ่นวาย นี่ไม่ใช่แค่การหลอกหลอนธรรมดา แต่มันคือคำสาป เป็นการผูกมัดโดยเจตนาที่ได้บิดเบือนความทุ่มเทของเชฟเคนจิต่อศิลปะการทำอาหารของเขาให้กลายเป็นสิ่งที่มืดมนและมันกัดกินจิตวิญญาณ
และถ้าสัญลักษณ์ต้องคำสาปนั้นฝังอยู่ใน “รากเหง้า” ของงานเขาจริง ๆ ผมก็คงต้องเจาะลึกลงไปในสูตรอาหารของเขาเพื่อเข้าใจขอบเขตของคำสาปทั้งหมด แต่ผมยังคงมีความรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้นซ่อนอยู่ มีบางอย่างลึกซึ้งกว่าที่ตาเห็นที่กำลังขับเคลื่อนการหลอกหลอนนี้
ในขณะที่เงาหายไปอีกครั้ง ผมก็รู้สึกมั่นใจในสิ่งหนึ่ง นั่นคือ สิ่งที่ครอบครองวิญญาณของเชฟเคนจินั้นทรงพลัง และมันจะไม่ปล่อยไปง่าย ๆ โดยไม่สู้แน่