You have no alerts.
    Header Background Image
    นิยายแปล แบ่งปัน สนุกขำขัน ได้ที่นี่ WhatANovel.com
    Chapter Index

    ปรากฏว่าหลังจากเพลงของฉันถูกเล่นสดครั้งแรก—หลังเสียงปรบมือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเบียร์ลีโอที่แชร์กัน—ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อ

    เพราะโลกใบนี้มันไม่เคยหยุดเพื่อช่วงเวลาแห่งบทกวี

    Sponsored Ads

    คืนถัดมา ฉันกลับมาที่ 7-Twelve อีกครั้ง ยืนหลังเคาน์เตอร์ฟังเด็กมหาลัยพยายามจ่ายค่าเซลลอร์ปี้ด้วยเหรียญแคนาดา ไฟนีออนเหนือหัวสั่นพร่าราวกับคลื่นความว่างเปล่าในจิตใจ กลิ่นในอากาศก็ผสมกันระหว่างไส้กรอกไมโครเวฟกับน้ำยาถูพื้น

    “กลับมาเป็นคนไม่มีตัวตนอีกแล้วสินะ” ฉันพึมพำ พลางสแกนมาม่าซองละ 25 บาทราวกับนี่คือโชคชะตา

    ลูกค้าไม่ได้ยินฉัน โชคดีของเขา

    จากวันไหลรวมเป็นคืน และฉันใช้ชีวิตอยู่ตรงรอยร้าวระหว่างช่วงเวลาเหล่านั้น—แต่งเพลงจากความทรงจำในเวลาว่างอันแคบคับ นั่งอยู่บนพื้นกับกีตาร์ ลาเต้หลับปุ๋ยอยู่บนกองเสื้อยืดเก่า และปล่อยให้ท่วงทำนองเก่า ๆ ไหลผ่านปลายนิ้ว

    บางวัน คอร์ดก็มาอย่างง่ายดาย บางวัน ฉันจ้องกำแพงแล้วเริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะเคยแต่งเพลงได้แค่ในจินตนาการ

    แต่ยังไงสมุดโน้ตก็ยังค่อย ๆ เต็มไปทีละหน้า ช้า ๆ เหมือนขวดที่ตั้งอยู่ใต้ก๊อกน้ำรั่ว

    Sponsored Ads

    ———————

    สายโทรศัพท์ (ลุงเอ๋กลับมาอีกครั้ง อย่างกับตัวร้ายในบทพล็อต)

    วันที่ 15 กรกฎาคม เวลา 13:13 น. เป๊ะ ฉันได้รับสายหนึ่ง

    เบอร์ไม่รู้จัก

    ฉันถอนหายใจ มองเพดาน แล้วก็กดรับอยู่ดี

    “กรณ์!” เสียงของลุงเอ๋ร้องมา ทั้งหวานทั้งบาดหูเหมือนกระดิ่งขึ้นสนิม “คิดถึงไหม?”

    “เหมือนไมเกรนเลยครับ”

    “แหม ตลกดี เอาเถอะ ใกล้วันเงินเดือนแล้ว แค่อยากโทรมาเตือนว่าหลานยังติดหนี้ลุงอยู่ ดอกเบี้ยมันไม่หยุดแค่เพราะหลานมัวไปแต่งเพลงเศร้าแล้วก็เลี้ยงแมวอ้วน ๆ หรอกนะ”

    ฉันเหลือบมองลาเต้ที่กระพริบตาช้า ๆ อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    “ผมเพิ่งจ่ายไปเดือนที่แล้วนะ”

    “ถูกต้องเลย!” เขาตอบเสียงร่าเริง “หลานจ่ายมาตั้ง 5,000 บาทในเดือนมิถุนายน เป็นเด็กดีเลยนะ งั้นตอนนี้เหลือหนี้อีกแค่…”

    เขาหยุดไปเหมือนตัวร้ายในการ์ตูนที่กำลังจะเฉลยตัวเลขนรก

    “…สองแสนเจ็ดหมื่นห้าพันบาท”

    สุดยอดไปเลย

    ฉันสัญญาว่าจะส่งอีก 5,000 หลังเงินเดือนรอบหน้า—ถ้าไม่หมดไปกับอาหารแมวกับบัตรเติมอินเทอร์เน็ตก่อนนะ

    หลังจากวางสาย ฉันรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรบางอย่างมาเยียวยา และเพราะว่าลาเต้กำลังหลับ ส่วนมาม่าก็หมด ฉันเลยหันไปหาอินเทอร์เน็ตแทน

    เสียงโมเด็มร้องโหยหวนเหมือนวิญญาณดิจิทัลกำลังถูกทรมาน แล้ว…ฉันก็ออนไลน์

    ฉันเข้าไปที่เว็บบอร์ดเดิม ที่เคยไปจุดไฟสงครามบทกวีโดยไม่ตั้งใจ หัวใจเต้นแรงตอนคลิกเข้าไปดูกระทู้เก่าของตัวเอง

    แต่ที่น่าแปลก มันยังไม่ตาย ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ

    Sponsored Ads

    “มีใครรู้ไหมว่าใครเป็นคนเขียน อยากอ่านอีก”

    “เราแอบปริ้นท์ไปให้คลาสเขียนบทอ่านนะ อย่าบอกอาจารย์ล่ะ”

    “ใครก็ตามที่เขียนนี่ เห็นโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เป็น”

    ท่ามกลางพวกปั่น กับตัวตนหลงตัวเอง ก็ยังมีคนจริง ๆ อยู่ตรงนั้น คนที่มองเห็นบางอย่างในสิ่งที่ฉันเขียน คนที่ ‘แคร์’

    และสิ่งนั้น…ช่วยฉันไว้จริง ๆ

    ฉันเลื่อนดูฟอรั่มกับเว็บสมัครงานแบบสมัครเล่น หางานเสริมอะไรก็ได้ที่ยังอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ขอแค่ไม่ต้องหลอกคน หรือยัดซองตอนตีสอง

    แล้วฉันก็เจอ

    “ประกวดเขียนกลอนสี่วันแม่ – โดยสำนักพิมพ์ดวงแก้ว”

    หัวข้อ: ‘แม่’
    กติกา: กลอนสี่ 1 บท
    หมดเขตส่ง: 20 กรกฎาคม 2543
    รางวัลที่หนึ่ง: 10,000 บาท และตีพิมพ์ในนิตยสารเดือนสิงหาคม

    ฉันกระพริบตาปริบ ๆ หนึ่งหมื่นบาท? แค่เขียน?

    ทันใดนั้น บทพูดเศร้า ๆ ทุกประโยคที่เคยพร่ำใส่แสงไฟตู้เย็นตอนตีสาม ก็กลายเป็นทุนทรัพย์ทางกวีที่น่าลงทุน

    ลาเต้หาวข้าง ๆ ฉัน โดยไม่รู้เลยว่า ฉันกำลังจะขุดทุกความทรงจำเกี่ยวกับแม่ (ทั้งของจริงและของยืม) มาใช้เพื่อความอยู่รอดเชิงวรรณกรรม

    Sponsored Ads

    ———————

    ในขณะที่อีกโลกกำลังร้องเพลงในผับ

    ในระหว่างที่ฉันกลับไปเขียนกลอน และนับสต็อกบะหมี่ถ้วย “คนไม่มีสิทธิ์” กลับกำลังทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดเลย

    มันเริ่มแพร่กระจาย

    พี่ต้นส่งข้อความมาหาฉันตอนเช้า

    “โว้ยยย พี่เล่นสามผับในอาทิตย์นี้ ทุกที่ขอให้เล่นเพลงนี้ซ้ำหมดเลย
    ฝ้ายบอกว่ามีลุงคนนึงร้องไห้ตอนท่อนสอง แบบ…น้ำตาจริง ๆ อะ”

    เอกส่งตามมาอีกว่า

    “เมื่อคืนมีผู้หญิงสองคนร้องตามตอนท่อนฮุก โว้ย! เพลงยังไม่ขึ้นวิทยุเลยนะ!!”

    ฉันยิ้มเงียบ ๆ อ่านซ้ำหลายรอบ

    เพลงได้ออกไปเจอโลกแล้ว—ไกลจากผนังแตกร้าว ไกลจากไมค์พัง ๆ และคอร์ดที่ยืมมาใช้

    และตอนนี้ มีคนร้องมันอยู่

    นั่นแหละ…คือเวทมนตร์แบบที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เจออีกหลังจาก ‘ตาย’ ไปแล้ว

    ———————

    กลับมาที่ห้อง พร้อมปากกาและคำปฏิญาณ

    ฉันเปิดสมุดโน้ตไปหน้าว่างหน้าใหม่ แล้วจ้องมองบรรทัดที่ยังว่างเปล่า

    กลอนสี่สำหรับวันแม่

    ไม่ใช่อะไรที่วิจิตร ไม่ใช่อะไรที่สลักมาจากตำนาน แค่บางอย่างที่จริงใจ ไม่ใช่พวงมาลัยมะลิ หรือภาพวาดแม่ในกรอบทอง ฉันอยากเขียนถึงแม่แบบที่ตื่นมาต้มน้ำตอนฟ้ายังไม่สว่าง แม่ที่จำอาการแพ้ของฉันได้ดีกว่าวันเกิดของฉันเอง แม่ที่ไม่เคยพูดว่า “เห็นไหม บอกแล้ว” แม้ฉันจะสมควรได้ยินก็ตาม

    ดังนั้นฉันจึงเขียน บางอย่างเล็ก ๆ แต่จริง

    กอดตัวเมื่อเหงา อุ่นไม่เท่าแม่กอด
    ห่วงใยตลอด คือแม่เรา

    เพียงสี่บรรทัด

    แต่มันกลับมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดทั้งหมดที่ฉันเคยลบไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ฉันวางปากกา ฉันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย—แค่เงียบ เหมือนแผลที่เพิ่งถูกล้าง ไม่ได้หายดี แต่ได้รับการยอมรับแล้ว

    ฉันปิดสมุดลง หัวใจหนักแน่นในแบบที่ดี ไม่ใช่เศร้า …เพียงแต่มัน “เต็มเปี่ยม”

    ———————

    กะดึก แสงดาว และชัยชนะเงียบ ๆ

    เวลา 4 ตี ฉันยืนอยู่หน้าร้าน 7-Twelve ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ สูดลมหายใจเข้าเหมือนหวังว่าเมืองนี้จะหายใจกลับมาให้บ้าง

    กรุงเทพฯ ในชั่วโมงนั้นนุ่มนวลเป็นพิเศษ แสงนีออนกระพริบเหมือนกล่อมเพลงกล่อมเด็ก หมาจรขดขาตัวเองยู่ข้างร้านที่ปิดไปแล้ว ไม่ไกลนัก มีแท็กซี่จอดนิ่งใต้ไฟแดงกระพริบ และจากมุมหนึ่งของถนนเสียงเพลงลูกทุ่งลอยมาเบา ๆ เหมือนความทรงจำ—อบอุ่น ช้ำ และคุ้นเคย

    มือของฉันมีกลิ่นฝุ่นจากชั้นวางของกับไส้กรอกแช่แข็ง เท้าปวดล้า เป้าตาหนักอึ้งจากการอดนอน แต่ในกระเป๋าเสื้อของฉัน มีบทกวีแผ่นหนึ่งพับเก็บไว้—เป็นบทกวีที่จริงใจ ตรงไปตรงมา และเขียนขึ้นเพื่อคนที่เลี้ยงดูฉันมาด้วยความหวังและน้ำนมเท่านั้น

    และในกล่องข้อความของฉัน มีข้อความจากพี่ต้นว่า:

    “เล่นเพลงอีกแล้วคืนนี้ สองคนร้องตามได้ท่อนฮุก ไม่รู้จะดีใจหรือกลัวดี”

    ฉันยังไม่ตอบทันที แค่ยิ้มออกมา เพราะฉันรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร เพลงกำลังเคลื่อนไหว
    เงียบ ๆ ช้า ๆ จากบาร์หนึ่งไปสู่อีกบาร์ จากเสียงหนึ่งไปสู่อีกเสียง

    ไม่ต้องมีสตูดิโอ ไม่ต้องมีโปรดักชันหรู แค่มีคนฟัง แล้วรู้สึก แล้วอยากฟังอีก

    และในค่ำคืนหนึ่งของกรุงเทพฯ อากาศไม่รู้สึกหนักอีกต่อไป โลกไม่เหมือนกำลังบีบฉันไว้ มันเหมือนกำลังเปิดออก แค่เล็กน้อย แต่ก็พอแล้ว

    Sponsored Ads

    0 Comments

    Heads up! Your comment will be invisible to other guests and subscribers (except for replies), including you after a grace period.

    Note