You have no alerts.
    Header Background Image
    นิยายแปล แบ่งปัน สนุกขำขัน ได้ที่นี่ WhatANovel.com
    Chapter Index

    โต๊ะมันยังโยกได้เท่าเดิม ยังเคลือบลามิเนตสีเบจน่าเบื่อที่ต่อต้านทั้งกาลเวลาและน้ำยาทำความสะอาด กาแฟยังมาแบบขม ฝืด และเหมือนเมล็ดกาแฟได้ยื่นขอลาออกจากการเป็นกาแฟมาหลายเดือนแล้ว

    Sponsored Ads

    “แกกินอะไรไหม?” พี่ต้นตะโกนจากมุมเดิมของร้าน เมนูสีซีดในมือเขาแกว่งอยู่เหมือนธงขาวของคนที่ยอมแพ้เรื่องกินตั้งแต่ต้นศตวรรษ

    ฉันส่ายหน้า เคาะนิ้วกับโต๊ะเหมือนจะเรียกสัญญาณไวไฟวิญญาณของเงินเดือน แต่มันก็ยังเงียบ เหมือนเครื่องพิมพ์บิลที่โดนกระดาษขาดกลางหน้าพอดี

    พี่บัญชีจากพึ่งใจมิวสิคเดินเข้ามาแบบเงียบ ๆ แต่เอกสารในมือเธอส่งเสียงดังในอกฉันแทน 

    “อันนี้ยอดเดือนเมษานะคะ ยังไม่หักภาษีค่ะ โอนวันจันทร์ค่ะ ถ้าระบบไม่ล่มนะคะ”

    ฉันพยักหน้าแบบคนที่ผ่านระบบบัญชีมาแล้วพอ ๆ กับมาม่าทุกรสในเซเว่น บางทีบัญชีของวงการเพลง RB51 ก็ควรได้รางวัลสาขา “แนวทดลอง” เพราะมันรวมทั้งลัทธิความเชื่อ, ความคลุมเครือ, และฟังก์ชันที่เข้าใจเฉพาะทีมไอที 

    บางค่ายหักค่าผลิตแบบปัดเศษขึ้นราวกับเป็นสำนักบัญชีสายยูนิฟายด์ฟิสิกส์ บางบิลหัก VAT แบบใช้ระบบพรหมลิขิต หรือไม่หักเลย เพราะ “ลืม” 

    แต่ในเมื่อฉันยังอยู่ฝั่งที่ได้เงินอยู่ ก็ยังไม่ถึงเวลาบ่นในรายการอภิปราย…

    ฉันรับซองน้ำตาลที่ดูเหนื่อยล้าเหมือนคนยืนรอแถวธนาคาร ค่อย ๆ แกะออกอย่างระแวงว่าในนั้นอาจมีอะไรดีกว่าตัวเลข กลิ่นหมึกหมึกจาง ๆ บนกระดาษทำให้กาแฟในแก้วขมขึ้นอีก 5%

    🎵 สรุปรายได้ค่าลิขสิทธิ์ – ณ เดือนเมษายน 2544

    📀 ซิงเกิ้ล 1: “คนไม่มีสิทธิ์ + กรุงเทพมหานคร”

    ✅ รายได้รวม (Gross Revenue): 4,613 CDs × ฿300 = ฿1,383,900
    ✅ หักค่าใช้จ่าย 45%: ฿622,755
    ✅ รายได้สุทธิ: ฿761,145
    ✅ ส่วนแบ่งของศิลปิน 10%: ฿76,114.50
    ✅ ส่วนแบ่งของฉัน 20% จากศิลปิน = ฿15,222.90

    📀 ซิงเกิ้ล 2: “เหยียบดาว + จนแต่เจ๋ง”

    ✅ รายได้รวม (Gross Revenue): 35,705 CDs × ฿300 = ฿10,711,500
    ✅ หักค่าใช้จ่าย 45%: ฿4,820,175
    ✅ รายได้สุทธิ: ฿5,891,325
    ✅ ส่วนแบ่งของศิลปิน 10%: ฿589,132.50
    ✅ ส่วนแบ่งของฉัน 20% จากศิลปิน = ฿117,826.50

    💰 รวมยอดรอบนี้ (ยังไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย): ฿133,049.30

    ฉันวางกระดาษลงข้างแก้วกาแฟ มองผ่านไอลอยบางจากของเหลวที่เรียกว่ากาแฟ 

    บางสิ่งในโลกนี้ไม่เคยเปลี่ยน รวมถึงความรู้สึกที่รู้ว่าเงินกำลังจะเข้า แต่ยังไม่ใช่วันนี้

    พี่ต้นจิ้มช้อนลงในโซดามะนาวที่ไม่มีมะนาวมาหลายปี 

    “ดึงดันนะมึง เสาร์นี้จะได้ฟังสด ๆ ละ”

    ฉันไม่ได้ตอบ แต่ในหัวดังก้องว่า “โอ้ใจเอ๋ย…” มันจะเปลี่ยนคีย์ยังไงถ้าขึ้นเวที หรือมันอาจจะไม่เปลี่ยนอะไรเลย เหมือนโต๊ะตัวนี้ ที่โยกได้เท่าเดิม…ทุกครั้งที่เงินจะเข้า แต่ยังไม่เข้า หรือบางทีโต๊ะมันไม่ได้โยกหรอก แค่ฉันที่ยังสั่นเหมือนเดิมทุกครั้งที่ต้องรอเงินเข้า แต่ก็เอาเถอะ เงินหมื่นหรือเงินแสนใน RB51 ก็แค่ตัวเลข ถ้าสุดท้ายต้องไปต่อแถวรอคิวจ่ายค่าไฟอยู่ดี 

    ฉันขยับแก้วกาแฟ รสชาติฝืด ๆ กลืนลงไปพร้อมความรู้สึกว่า อย่างน้อยตอนนี้ “ฉันยังอยู่ในระบบ” อยู่บ้าง… แม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นระบบเพลง หรือระบบแกล้งให้หวังแล้วเฉือนทิ้งกันแน่

    Sponsored Ads

    ———————

    เสียงประสาน

    Skyline Loops ยังดูเหมือนสถานที่ที่ถูกสร้างจากใบเสร็จภาษีกับเศษไม้อัดที่เหลือจากโปรเจกต์อื่น บันไดลั่นเอี๊ยดเหมือนข้อเข่าเสื่อม ๆ ไฟกะพริบเหมือนยังลังเลว่าควรให้วงนี้ใช้ไฟหรือไม่ โปสเตอร์เดียวที่ยังไม่หลุดจากผนังคือแผ่นที่เขียนว่า Live = Not Dead Yet.”

    คนยังไม่แน่น เว้นแต่คุณจะนับความร้อนในร่างกาย ความวิตกกังวล และความเสียใจที่ไม่ได้ตั้งใจ

    ฉันยืนอยู่ใกล้ ๆ ซาวด์บอร์ด ที่ครึ่งหนึ่งใช้งานได้ อีกครึ่งกำลังเผชิญวิกฤตตัวตน เซ็ตลิสต์ที่แปะอยู่บนมันเขียนว่า

    “1. เหยียบดาว 2. จนแต่เจ๋ง 3. ดึงดัน (ลอง ver.)”

    ลอง ver. มีขีดเส้นใต้สามเส้น และใครบางคนวาดหน้าบึ้งไว้ข้าง ๆ

    ตอนที่พวกเขาเริ่มเล่น มันมีความผิดพลาดแบบที่ทำให้คนดูอยากเชียร์  ไม่ใช่หายนะ แต่พอจะบอกได้ว่าเป็นมนุษย์

    ไมค์ของพี่ต้นส่งเสียงหอนหนึ่งครั้ง ราวกับกำลังทดสอบความมั่นใจของเขา เสียงประสานของฝ้ายเข้าช้าไปในท่อนฮุกแรก แล้วเร่งตามเหมือนกลัวตกรถเมล์  มือกลองทำไม้หล่น เก็บขึ้นมา พลาดจังหวะ แล้วก็เก็บใหม่อีกที

    🎶 “โอ้ ใจเอ๋ยทำไมหัวใจไม่หลาบจำ ดึงดันจะรักเธออยู่
    ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ใช่ แต่ยังจะรักเขาหมดหัวใจ
    ปล่อยเขาทำร้ายย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ เติมอยู่”
    🎶

    เสียงท่อนนี้แหบพร่า แต่มีชีวิตชีวา มันไม่ใช่เสียงหัวใจสลาย  แต่มันคือเสียงของคนที่ยังยืนยันว่า หัวใจของตัวเองมีค่า

    ไม่มีใครปรบมือ แต่ก็ไม่มีใครเดินออกไปเช่นกัน

    ผู้ชายแถวประตูชูนิ้วโป้งขึ้นมา อาจจะประชดก็ได้ ระหว่างท่อนบริดจ์มีคนไอเป็นจังหวะ อาจตั้งใจ

    ฝ้ายหลับตาตอนร้องประโยคสุดท้าย เหมือนพยายามยึดเพลงไว้ด้วยเปลือกตา และตอนเพลงจบ พวกเขาไม่ได้โค้งขอบคุณ แค่หันมามองหน้ากัน เหมือนจะถามว่า 

    “เรารอดมาได้ไหมวะ?”

    หลอดไฟกระพริบระหว่างท่อนสุดท้ายเหมือนมันจะขาดตอนโซโล่ เสียงกีตาร์ขาด ๆ หาย ๆ เพราะแจ็คหลวม แต่ฝ้ายยังหลับตาแน่น เพราะในเวทีที่ไม่มีเครื่องเสียงดี ๆ นั่นแหละ…มันไม่มีอะไรเหลือให้ซ่อน

    ฉันไม่ปรบมือ ไม่แม้แต่จะขยับตัว แต่ข้างในมันมีอะไรบางอย่างเคลื่อน นี่ไม่ใช่การแสดงระดับชาติ ไม่มีกล้อง ไม่มีกองเชียร์ ไม่มีโปรดิวเซอร์ใส่สูทคอยจดโน้ต 

    ที่นี่ไม่มีใครมาบอกว่า “เพลงนี้ขายได้ไหม” หรือ “เสียงนี้ติดชาร์ตหรือเปล่า”  มันแค่มีเสียงของคนที่ยังไม่ยอมให้ระบบบอกว่าพวกเขาไม่มีเสียง เพราะถ้าเสียงแบบนี้ยังอยู่บนเวทีเล็ก ๆ ได้ แปลว่ายังมีที่ให้คนอย่างเรารอดอยู่บ้าง

    ฉันแต่งท่อนฮุกนั้น และในตอนนี้ มันถูกร้องออกมาแล้ว ดิบ ๆ กระท่อนกระแท่น ผิดจังหวะบางจุด แต่จริงกว่าเสียงไหน ๆ ที่เคยมี

    ไม่มีค่าย ไม่มีมิกซ์ ไม่มีความจริงแบบรีทัช มีแค่เสียง ที่สะท้อนจากกำแพงที่ไม่สนว่าใครเป็นคนเปล่งมัน

    พี่ต้นหันมาทางด้านหลังห้อง สายตาเราสบกันเพียงครู่เดียว

    เขาไม่พูดอะไร แค่ส่งสายตามาว่า “ได้ยินใช่ไหม?”

    ฉันพยักหน้า ก็แค่นั้นเอง มันอาจจะไม่ได้อยู่ในรายงานรายสัปดาห์ของกรมวัฒนธรรม แต่มันอยู่ในเสียงสะท้อนที่ฝังอยู่ในกำแพงไม้ไม้อัด กับเหงื่อที่ไม่ได้เงิน แค่นั้น…มันก็มากพอ

    Sponsored Ads

    ———————

    แทร็กลับหลังเวที กับ เสียงที่หล่อไม่ได้

    หลังเวทีของ Skyline Loops ดูเหมือนเคยเป็นห้องเก็บเส้นก๋วยเตี๋ยว และยังไม่หายจากบาดแผลในอดีต พัดลมเพดานหมุนแผ่ว ๆ สายไฟพันกันเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นเละ โต๊ะพลาสติกเอียงไปทางตะวันตก

    บอลเป็นคนแรกที่พุ่งเข้ามา ยังเหงื่อโชก ยังคงตื่นเต้น และยังไม่เลิกตีกลองในหัวตัวเอง เขาตบหลังฉันแรงพอให้เวลาในชีวิตเปลี่ยนแทร็ก

    “เขียนอะไรของแกวะ ดึงดัน! ตีกี่รอบก็ยังไม่พอใจใจตัวเองเลยว่ะ”

    ฉันกระพริบตา นั่นดูเหมือนจะเป็นการให้ไฟเขียวให้บ่นต่อ

    “ตรงช่วงโซโล่นี่ กะให้คนฟังร้องไห้เหรอ หรือกะให้กูมือหักก่อนจบเพลง?”

    ฉันยังไม่ทันอ้าปากตอบ เอกก็เบียดเข้ามาพร้อมสายไฟยุ่งเหยิงเต็มแขน กับน้ำเสียงที่พร้อมให้คะแนน

    “เปลี่ยนคีย์แบบนี้ ไม่บอกใครก่อนนี่แหละระดับโปร… โปรฯ เพี้ยน”

    เขาวางเบสลงบนเก้าอี้ พยักหน้าใส่ตัวเองราวกับเพิ่งพูดอะไรเป็นปรัชญา 

    เขาน่าจะเชื่อแบบนั้นจริง ๆ

    ฝ้ายเดินตามเข้ามา ลากเคสคีย์บอร์ดเหมือนมันติดหนี้เธอ เธอวางมันลงด้วยน้ำหนักแบบคนที่กำลังวางระเบิด

    “กูจะไม่พูดเรื่องอินโทร… เพราะมันพูดเองได้”

    แล้วเธอก็มองตรงมาที่ฉัน เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเหมือนเตรียมล้มวิทยานิพนธ์

    “แต่ถ้าจะให้คีย์แบนแบบนี้อีก… ช่วยเขียนจดหมายขอโทษคีย์บอร์ดกูไว้ล่วงหน้าเลยนะ”

    ฉันอ้าปากจะพูด แล้วก็ปิดมันกลับ พยักหน้าแทน ถือเป็นกลไกป้องกันตัวพื้นฐาน

    แดงเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เคี้ยวปิ๊กกีตาร์เหมือนเป็นลูกอมจากนรก เขาไม่พูดอะไรเลย แค่พยักหน้า แล้วชูสองนิ้วขึ้นมา  ดีดอากาศสองที ภาษากายว่า “เยี่ยมแล้ว แต่อย่าทำอีกนะ”

    แล้วพี่ต้นก็เข้ามา เดินเข้ามาแบบรู้พิกัดของความเงียบเป๊ะทุกจุด

    เขามองรอบห้องเหมือนนายพลที่เพิ่งแพ้ศึก แต่ยังชอบสงคราม แล้วก็นั่งข้างฉัน หยิบโซดาจากโต๊ะของบอลไปเปิดเฉย ๆ แบบไม่ขอ

    “เล่นจบแล้วนะ ดึงดัน… เหลือเจ้าชายละมั้ง?”

    ฉันชะงัก

    เขาไม่ได้ยิ้ม นั่นแหละกับดัก

    “เจ้าหญิงก็มีไปแล้ว เพลงนี้มันประกาศชัดเลยว่าเรามีแต่ ‘ใจเอ๋ย’ ไม่มีม้า ไม่มีเกราะ ไม่มีดาบ ไม่มี Happy Ending…”

    แล้วเขาก็มองฉันเหมือนรู้ว่าฉันกำลังเขียนอะไรให้ และที่แย่กว่านั้น  เหมือนรู้ว่าฉันจะไม่ปฏิเสธ

    “คิดมาละใช่มั้ย… หน้ากูมันฟ้องว่าอยากร้องอะไรต่อ”

    ฉันยักไหล่แบบกลาง ๆ  ปลอดภัย คลุมเครือ ขี้ขลาด

    อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังลุกอยู่ดี หมุนคอกร๊อบกร๊อบเหมือนจบงานประจำ

    “ไว้คุยกัน… แต่ถ้ามีเพลงไหนที่ทำให้กูดูหล่อบ้าง จะซึ้งใจมาก”

    บอลหัวเราะ 

    เอกพ่นจมูก 

    ฝ้ายกลอกตา 

    แดงยิ้มทั้งหน้าอยู่วินาทีเดียว

    ส่วนฉัน?  ทำเป็นก้มผูกเชือกรองเท้า แบบผูกไม่ค่อยเป็น

    Sponsored Ads

    ———————

    เสียงสะท้อนและของแถม

    โชว์จบแล้ว แต่เมืองยังไม่ยอม  แสงนีออนยังกะพริบเหมือนติดหนี้อะไรบางอย่างที่ไม่กล้าบอกใคร

    ฉันยืนพิงราวระเบียงบนดาดฟ้า มองหยดน้ำเกาะขวดน้ำเปล่า ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เหงื่อออกมากกว่าบอลคืนนี้

    เสียงหัวเราะดังเป็นระลอกจากโต๊ะริมในสุด 

    ผู้หญิงในชุดเดรสที่ไม่สมมาตร เปิดไหล่ข้างนึง ผมยุ่งแบบที่ต้องใช้ความพยายามมากถึงได้ลุคนี้ ที่ถือแก้วเหล้าที่เหลือครึ่งหนึ่งและเหมือนจะแสดงละครอย่างเต็มที่

    “แก ๆ ฟังนะ… ถ้าผู้ชายคนนั้นยังกล้าโทรมาอีก ฉันจะให้พ่อยิงแม่งเลย!”

    โต๊ะนั้นหัวเราะลั่นเหมือนมีเวทีซ้อนอยู่ในวงเหล้า

    เธอไม่ได้สวยแบบดาราสาวในโทรทัศน์  แต่เป็นแบบที่ทำให้บาร์เทนเดอร์และคนในบาร์สนใจสามอึกสุดท้ายในแก้วเหล้า แบบที่เพื่อน ๆ หมุนรอบตัวเธออย่างแนบเนียน ราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ

    และชั่ววินาทีนั่น ฉันก็สงสัยว่าเสียงของเธอจะเป็นแบบไหนถ้าร้องเพลง หรือว่าเธอเคยร้องไห้โดยไม่ถือแก้วบ้างไหม

    ข้างหลังฉัน ฝ้ายดูดหลอดโซดาแบบประชด

    “เสียงประสานวันนี้… ใครอัดไว้บ้างวะ จะได้ไปฟ้องหมอหู”

    เอกหัวเราะหึ ๆ

     “ยอมรับเหอะว่าอินเนอร์เธอมันเป็นแจ๊ส… ขณะที่เราเล่นร็อกใส่กันอยู่”

    บอลเอนตัวมา ชนไหล่เธอเบา ๆ

    “จะเอาให้สุดต้องร้องแร็ปแล้วมั้ง เดี๋ยวแต่งให้เลย — ‘ใจเอ๋ย yo!’”

    ฝ้ายทำเสียงกึ่งไอ กึ่งสบถ

    “กูแร็ปใส่หน้ามึงได้เลยตอนนี้ ถ้ายังไม่หยุดเล่นมุก”

    พี่ต้นที่นั่งเงียบมาตลอด หัวเราะเบา ๆ แค่พอให้ทุกคนรู้ว่ายังเป็นหัวหน้าวงอยู่

    “ถ้าร้องแร็ปแล้วขายได้ มึงช่วยเขียนไปเลยนะกรณ์ กูจะยืนเต้นเอง”

    ฉันยกมือทำท่าแบบล้อ ๆ หวังให้ดูประชด แต่น่าจะเหมือนคนจุกน้ำอัดลมมากกว่า

    แต่บางอย่างในเสียงหัวเราะของผู้หญิงคนนั้น  บางอย่างในสายตาเพื่อน ๆ ที่มองเธอค่อย ๆ พังอย่างเชี่ยวชาญ มันคลิก

    ยังไม่ใช่เมโลดี้  แต่เป็นบางอย่าง ความพังที่เราซ้อมจนชิน ความพังที่กลายเป็นจังหวะ เสียงเธอมันไม่เหมือนคนร้องเพลง แต่บางประโยคที่เธอพูด มันเหมือนท่อนฮุกที่ยังไม่ถูกใครเอาไปเรียบเรียง ผู้หญิงที่ยกแก้วแล้วหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลก… ทั้งที่มันไม่เคยตลกจริง  บางทีเธออาจจะเคยฝันว่ามีเจ้าชาย หรือบางทีเธอก็แค่รู้ว่า “ในฝันของผู้หญิงบางคน เจ้าชายมันก็แค่คนแปลกหน้าที่พูดดีเกินไป” และจังหวะนั้นแหละ ฉันก็รู้ว่าเพลงต่อไปมันจะเริ่มจากตรงนี้

    ฉันดื่มน้ำโซดาจนหมดแก้ว ที่มันใสสะอาดกว่ามโนธรรมตัวฉันเอง

    “โอเคพี่ ผมกลับก่อนนะ”

    พี่ต้นพยักหน้า

    “เจอกันใหม่… ถ้าไม่หายไปคิดอะไรเจ็บ ๆ อีก”

    ฉันเลิกคิ้ว เขายิ้ม

    “หรือไม่ก็คิดอะไรขายได้อะไรก็ได้อะ กูก็ไม่เรื่องมากอยู่แล้ว”

    ฉันไม่ตอบ  แค่เดินออกไป พร้อมเสียงหัวเราะของหญิงสาวที่ยังลอยอยู่ในหัว ที่เหมือนจะตามกลับบ้านมาด้วย

    Sponsored Ads

    ตีกลอง ดึงดัน
    COCKTAIL X ตั๊ก ศิริพร [ Drum Cover ] Note Weerachat

    0 Comments

    Heads up! Your comment will be invisible to other guests and subscribers (except for replies), including you after a grace period.

    Note