เพี่ยงจือไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านดนตรีเท่ากับตี้กู่และไม่ได้รับการบ่มเพาะไปสู่เส้นทางด้านดนตรี ดังนั้นเขาจึงไม่นำซอเอ้อหูออกมา เพี่ยงจือแสดงภาพเคล็ดวิชาหอยงวงช้าง(1)พันพิษ ของเขาและเอื้อมมือหยิบมีดสั้นจากแหวนเก็บของ
เนื่องจากเขารู้ว่าอาจารย์ของเขาและตี้กู่จะช่วยเหลือเขา เพี่ยงจือตัดสินใจอย่างมุทะลุและใช้กระบวนท่ามีดสั้น ‘หอยงวงช้างช่วงชิง’ ในทันทีกระบวนท่านี้ทำให้เขาได้รับความเร็วสูงราวกับกระแสน้ำที่ฉีดพุ่งออกจากหอยงวงช้างเข้าใส่มด
มดไฟไม่สามารถต้านทานเขาได้เมื่อเพี่ยงจือตัดขาของมันออก ก่อนที่มันจะมีโอกาสตอบสนอง แม้ว่าฮีโมลิมฟ์จะไหลออกมาจากขาของมัน แต่มันก็สามารถพลิกร่างของมันและยิงไฟมาที่เพี่ยงจือหลังจากที่กระบวนท่าของเขาหยุดลง
การเผาไหม้ที่เกิดจากมดเวิร์มไฟนั้นเพียงพอที่จะสร้างความเสียหายจำนวนมากให้แก่เพี่ยงจือ นั่นต่างจาก หง เติ้งหลงซึ่งมีเคล็ดวิชาวอมแบตโยกเยก เพี่ยงจือไม่มีความสามารถต้านทานความเสียหายจากธาตุใดๆ ทำให้เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มดเวิร์มน้ำแข็งใช้โอกาสนี้ในการรวบรวมพลังน้ำแข็งจากภายในเพื่อยิงน้ำแข็ง แต่เพียงพอนไร้ตัวตนขนาดใหญ่ได้ซุ่มโจมตีมดเวิร์มน้ำแข็งจากด้านหลังและกัดมันอย่างรุนแรง
ระเบิดน้ำแข็งพลาดเป้า นั่นทำให้เพี่ยงจือฟื้นตัวได้เล็กน้อย “ขอบคุณ ตี้กู่!” ตี้กู่กำลังเป่าขลุ่ยไม้ไผ่ควบคุมและสั่งการเพียงพอนไร้ตัวตนเพื่อหยุดยั้งการโจมตีของมดเวิร์ม ปล่อยให้เพี่ยงจือขว้างมีดสั้นของเขาเข้าไปในร่างของมดเวิร์ม จากนั้นเพี่ยงจือก็ชกเข้าที่หัวของมันทำให้มันล้มลง
ต่อมาเขาเสียบมีดสั้นเข้าไปในมดเวิร์มน้ำแข็งและมันก็แน่นิ่งไป เมื่อเขาหันไปทางด้านมดเวิร์มไฟ เขาเห็นเพียงแค่อาจารย์ของเขาวางเท้าข้างหนึ่งอยู่บนตัวมด แน่นอนมดเวิร์มไฟตายไปแล้ว
Sponsored Ads
“เพี่ยงจือ เธอทำมาพอแล้ว ให้ตี้กู่จัดการที่เหลือ แค่รอให้การต่อสู้จบลง แล้วเธอก็กินข้าวแกงกะหรี่ได้” ผู่ถิงกวักมือเรียกเพี่ยงจือให้ยืนข้างสนามเพื่อดูการต่อสู้ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น
ลูกค้าที่กำลังนั่งชิลล์ที่เคาน์เตอร์บาร์เริ่มตระหนักว่าทั้งสามคนที่เข้าไปในดันเจี้ยนมีความคืบหน้าอย่างมากในการต่อสู้กับมด พวกเขาเริ่มรวมตัวกันรอบๆ สถานี 5 เพื่อรอดูการเคลียร์ดันเจี้ยนครั้งแรก
ตี้กู่เป่าเสียงจากขลุ่ยไม้ไผ่ของเขาเพื่อสั่งคำสั่ง และเพียงพอนไร้ตัวตนก็เริ่มวิ่งซิกแซกไปรอบ ๆ ทุ่งหญ้าเพื่อโจมตีนายหญิงแห่งกู่เจิง โชคไม่ดีที่งูขาวยักษ์ฟาดหางลงกับพื้น ทำให้ภาพเพียงพอนไร้ตัวตนหายไปจากการโดนโจมตี
ในครั้งนี้นายหญิงแห่งกู่เจิงเหลือบมองมาทางตี้กู่สั้นๆ ก่อนที่เธอจะกลับมาบรรเลงกู่เจิงของเธอ บทเพลงเมดเลย์ของเธอเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองที่หม่นหมองมากขึ้น และตี้กู่เริ่มเป่าเพลงที่เหมาะสมแทนที่จะเรียกการควบคุมเพียงพอนไร้ตัวตนอีกครั้ง
ดูเหมือนงูขาวยักษ์รู้สึกว่านายหญิงแห่งกู่เจิงต้องการต่อสู้กับตี้กู่ ดังนั้นมันจึงถอยกลับเล็กน้อยเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการต่อสู้ของพวกเขา
บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิที่แสนเศร้าสร้อยลอยพัดผ่านสายลมเหมือนดั่งตอนเริ่มต้นของอินสแตนซ์ และตี้กู่ตอบโต้ด้วยการเป่าด้วยท่วงทำนองที่ช้าและกลมกล่อมเพื่อประสานเสริมให้กับบทเพลงของนายหญิงแห่งกู่เจิง แต่อย่างไรก็ตามความโศกเศร้าที่ตี้กู่รู้สึกได้จากบทเพลงของนายหญิงแห่งกู่เจิงนั้นไม่ได้เย็นชาหรือเศร้าสร้อย มันเป็นเพียงความขมขื่น
ด้วยบทเพลงผสานพลังชี่ ทั้งผู้ชม เพี่ยงจือ และผู่ถิง สามารถได้ยินและสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของนักดนตรีทั้งสอง ราวกับว่าพวกเขากำลังหมายถึงช่วงปลายของฤดูใบไม้ผลิและเป็นการเริ่มต้นของฤดูกาลที่แตกต่างไป บทเพลงคอรัสแห่งฤดูใบไม้ร่วง
Sponsored Ads
ราวกับว่าทุ่งหญ้านั้นมีชีวิตอยู่ พวกมันตอบสนองต่อพลังชี่ของการต่อสู้ทางดนตรีและสภาพแวดล้อมก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ต้นซากุระเหี่ยวเฉาไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ลำต้นเปลือยเปล่าในขณะที่ดอกไม้ในทุ่งหญ้าเบ่งบานทั้งสีเหลืองและน้ำเงิน แม้แต่สายลมก็เริ่มเย็นลงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงสั้นๆ ของทุ่งหญ้าแสดงเป็นภาพให้เห็น แม้แต่ลูกค้าที่สถานี 5 ที่กำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงก็ยังคงรู้สึกทึ่งกับการเปลี่ยนแปลง
ในขณะที่บทเพลงดำเนินไป ตี้กู่ตัดสินใจที่จะเพิ่มความรุกรานมากขึ้นในการประสานเสียงกับนายหญิงแห่งกู่เจิง เพราะเขาต้องการทราบเคล็ดวิชาในการบรรเลงของเธอ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเป่าด้วยทำนองหนักแน่นและเกรี้ยวกราดมากขึ้น พลังชี่ของเขากลายเป็นอันตรายถึงตาย แม้กระทั่งงูขาวยักษ์ก็สัมผัสเจตนาสังหารได้
นายหญิงแห่งกู่เจิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของท่วงทำนองอย่างกะทันหัน แต่เธอยังคงบรรเลงบทเพลงแห่งความโศกเศร้าต่อไป และมันเกลายเป็นส่วนหนึ่งในการติดตามการบรรเลงนำหน้าของตี้กู่
การเป่าขลุ่ยไม้ไผ่ของตี้กู่นั้นหนักแน่นและทรงพลัง เขาไม่ได้เปิดช่องว่างให้นายหญิงแห่งกู่เจิง ในระหว่าที่เขาบรรเลงไปถึงจุดสูงสุดของบทเพลงเขา อย่างไรก็ตามเขาแปลกใจมากที่สัตว์ประหลาดสามารถซิงค์กับเขาได้ แม้มันจะไม่รู้จักเพลงที่เขากำลังบรรเลงอยู่ก็ตาม เธอสามารถเร่งตามจังหวะของเธอได้เอง โดยไม่ได้รับแรงกดดันจากบทเพลงที่นำหน้าของเขา
ผู่ถิงกอดอกและเห็นได้ชัดว่านายหญิงแห่งกู่เจิงสงบแค่ไหนระหว่างการบรรเลงเพลงของเธอ ถ้าเธอแข่งขันกับตี้กู่ได้จริงๆ ก็มีโอกาสที่ตี้กู่จะได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา
ตี้กู่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับการที่นายหญิงแห่งกู่เจิงผสานท่วงทำนองเข้ามาในบทเพลงของเขาได้ดี จนทำให้เขาไม่สามารถรักษาความมั่นคงในการเป่าและมันเริ่มเล่นกับอารมณ์ของเขาแทน อย่างไรก็ดีอารมณ์ที่เขาเริ่มปะทุขึ้นมาคือ ความรู้สึกอดกลั้น อิจฉาริษยา ความรู้สึกผิด และความเหงา
อารมณ์เหล่านั้นถูกระงับโดยความคาดหวังของครอบครัว ความปรารถนาในชีวิตที่ปกติ และการดูถูกคนที่ไม่มีความสามารถอย่างเขา
เสียงสะท้อนของพลังชี่ในบทเพลงของเขานั้นไม่แน่นอนและแม้แต่ทุ่งหญ้าก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดอกไม้เหี่ยวเฉาทันที หญ้าเปลี่ยนเป็นสีดำและดินเริ่มมีกลิ่นเน่าเหม็น เพียงพอนไร้ตัวตนก็ถูกอัญเชิญมาโดยบังเอิญ และด้วยอารมณ์ในพลังชี่ของตี้กู่ ทำให้มันไม่เชื่อฟัง ขัดขืน และดื้อดึง มันมุ่งตรงไปหานายหญิงแห่งกู่เจิงทันที
เพี่ยงจือตกใจมาก เขาไม่เคยเห็นตี้กู่ที่ดูทุกข์ทรมานและควบคุมตัวเองไม่ได้ในอาชีพนักดนตรีมาก่อน และเขามองไปที่ผู่ถิง โดยหวังว่าอาจารย์จะทำอะไรบางอย่างเพื่อตี้กู่ แต่กระนั้น ผู่ถิงก็ยืนกอดอกฟังบทเพลงอย่างตั้งใจ
งูขาวยักษ์สกัดกั้นเพียงพอนไร้ตัวตนและทั้งคู่ก็อยู่ในการต่อสู้ นายหญิงแห่งกู่เจิงตอบโต้ด้วยทำนองของเธอทันทีเมื่อได้ยินบทเพลงของตี้กู่ อารมณ์ของความเหงาที่บริสุทธิ์ที่สุดของเธอรั่วไหลเล็กน้อยจากพลังชี่ในบทเพลงของเธอ แต่มันเน้นไปที่ผู้ฟังเป็นหลัก ดอกไม้ข้างเธอยังคงความมีชีวิตชีวาของฤดูใบไม้ร่วง
Sponsored Ads
เมื่อได้ยินบทเพลงของเธอ ตี้กู่ก็สั่นคลอน ภาพลักษณ์ของเธอที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ความจำเป็นในการเอาชีวิตรอดเพื่อความเป็นปกติในชีวิตและความปรารถนาที่จะให้ขาของเธอกลับมาเป็นปกติ ท่วมท้นเข้าไปในจิตใจของเขา อารมณ์แห่งความเหงาของเธอรุนแรงมากจนตี้กู่ ไม่สามารถรับฟังบทเพลงของเธอได้
ในที่สุดเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความรู้สึกเย็นชาและอยากจะร้องไห้ อารมณ์ที่ทะลักมาจากพลังชี่ในบทเพลงของเธอนั้นรุนแรงพอที่จะส่งผลโดยตรงต่อจิตใจของตี้กู่ และผู่ถิงก็ปรากฏตัวขึ้นและยิงพลังชี่ที่บริสุทธิ์พุ่งเข้าหานายหญิงแห่งกู่เจิง ซึ่งทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
“เราน่าจะโดนปรับแพ้ในดันเจี้ยนนี้” ผู่ถิงตะโกนออกมาดังๆ และข้อความยืนยันถูกประกาศโดยเสียงผู้ประกาศหญิง “ใช่ เป็นที่แน่นอน”
ทั้งสามคนกลับมาอย่างปลอดภัยที่สถานี 5 โดยที่ลูกค้าหันหน้าเข้าหากัน พวกเขางุนงง บางคนกำลังเศร้าสร้อย ในขณะที่บางคนไม่มีความสุข “ดูเหมือนว่านายหญิงแห่งกู่เจิงมีประสบการณ์มากมายในการควบคุมพลังชี่ในบทเพลงของเธอมากกว่าที่คาดไว้”
“เบื้องหลังใบหน้านั้นของเธอคงมีรอยแผลเป็นนับพันหมื่นแผล ที่ไม่สามารถรักษาได้หายในเวลาอันสั้น อย่างไรก็แล้วแต่ ฉันก็รู้สึกแย่ที่จะออกจากร้านไปแบบนี้ ให้ฉันเล่นเพลงเพื่อสงบสติอารมณ์ของคุณทั้งหมด” ผู่ถิงหยิบกู่ฉิน(2) ของเขาจากแหวนเก็บของ
เขาวางกู่ฉินไว้ที่เคาน์เตอร์บาร์และเล่นเพลงที่ผสานพลังชี่ ซึ่งทำให้ลูกค้าสงบลงอย่างช้าๆ และเพิ่มพลังพลังชี่เข้าไปทำให้พวกเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา” จินหลับตาลงเพื่อชื่นชมเสียงเพลง
(1) หอยงวงช้าง Nautilus มีลักษะเหมือนหมึกผสมกับหอยฝาเดี่ยว เป็นสัตว์ที่ว่องไว ว่ายน้ำได้ดี
(2) กู่ฉิน guqin พิณ 7 สาย ราชาแห่งเครื่องดนตรีจีน