ตัวละครในนวนิยายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า ตัวละครนั้นๆ มีบทบาทในการเล่าเรื่องของเรื่อง ตัวละครอาจเป็นมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่ถูกนำเสนอในฐานะบุคคลภายในเรื่อง ตัวละครมีหน้าที่กระทำการ พูดบทสนทนา และมีปฏิสัมพันธ์กับเหตุการณ์ในเรื่อง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความน่าสนใจและความซับซ้อนให้กับนวนิยาย
Sponsored Ads
ทำไมตัวละครถึงมีความสำคัญ?
ตัวละครมีความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องราวด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการดังนี้
- ขับเคลื่อนโครงเรื่อง (Drive the plot): ตัวละครเป็นผู้ขับเคลื่อนโครงเรื่องผ่านการกระทำ การตัดสินใจ และเป้าหมาย โครงเรื่องเกิดจากการที่ตัวละครตอบสนองต่อสถานการณ์และอุปสรรคต่างๆ หากไม่มีตัวละครที่น่าดึงดูด ก็จะไม่มีเหตุการณ์เรื่องราวที่มีความหมาย
- มุมมองที่แตกต่าง (Different perspectives): ตัวละครทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสโลกแห่งเรื่องราวจากมุมมองที่แตกต่างกัน เมื่อมองผ่านดวงตาของตัวละครและเข้าใจความคิด/แรงจูงใจ ผู้อ่านสามารถดื่มด่ำและพัฒนาความเห็นอกเห็นใจ
- เป็นตัวแทนของแนวคิด (Represent the themes): ตัวละครแสดงถึงแนวคิดและแก่นเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสำรวจ การเดินทาง ส่วนโค้ง และการเปลี่ยนแปลงของพวกเขารวบรวมความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของเรื่องราว
- เป็นที่น่าจดจำ (Memorable characters): ตัวละครที่น่าจดจำทำให้เรื่องราวโดนใจและโดนใจผู้อ่าน ผู้อ่านจะลงทุนในตัวละครที่พวกเขาใส่ใจและระบุถึงการต่อสู้ดิ้นรนของพวกเขา
- มีมิติที่ลึกซึ้ง (Round character): ความลึกซึ้งและความซับซ้อนของตัวละครสร้างความสมจริงและความแตกต่างเล็กน้อยในเรื่องราว ตัวละครหลายมิติที่มีข้อบกพร่องและความขัดแย้งภายในให้ความรู้สึกเหมือนจริงและเป็นมนุษย์
- สัมผัสประสบการณ์แห่งอารมณ์ (Experience emotion): ตัวละครเป็นตัวแทนที่ให้ผู้อ่านได้สัมผัสกับอารมณ์และความขัดแย้งในเรื่องราว บุคลิกและมุมมองของพวกเขาเป็นตัวกำหนดความตึงเครียดอันน่าทึ่ง
Sponsored Ads
ประเภทของตัวละคร
- ตัวเอก (Protagonist): เป็นตัวละครหลักที่เรื่องราวมุ่งเน้นไปที่ การกระทำและการตัดสินใจของตัวเอกจะส่งผลกระทบต่อเนื่องเรื่องราว ตัวอย่างเช่น แฮรรี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) และเอลิซาเบธ เบนเน็ต (สาวทรงเสน่ห์ Pride and Prejudice)
- ตัวร้าย (Antagonist): เป็นตัวละครหรือสิ่งที่คอยขัดขวางตัวเอก สร้างความขัดแย้งให้กับเรื่องราว อาจเป็นตัวละครอื่น กลุ่มคน สภาพแวดล้อม หรือความทุกข์ทรมานภายในของตัวเอกเอง ตัวอย่างเช่น ดาร์ธ เวเดอร์ (Star Wars) และกัปตันอาหับ (Moby Dick)
- ตัวละครที่เปลี่ยนแปลง (Dynamic Character): เป็นตัวละครที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญตลอดเรื่อง อาจเรียนรู้บทเรียนหรือพัฒนาตนเอง ตัวอย่างเช่น ฮักเกิลเบอร์รี่ ฟินน์ (การผจญภัยของฮักเกิลเบอร์รี่ ฟินน์ – The Adventures of Huckleberry Finn) และเจน เอียร์ (เจน แอร์…รักแท้ชั่วนิรันดร์ – Jane Eyre)
- ตัวละครที่ไม่เปลี่ยนแปลง (Static Character): เป็นตัวละครที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งเรื่อง บทบาทมักเป็นการสนับสนุนเรื่องราวหรือเน้นย้ำการเปลี่ยนแปลงของตัวละครพลวัต ตัวอย่างเช่น ลอร์ด โวลเดมอร์ท (Harry Potter) และกัปตันฮุค (Peter Pan)
- ตัวละครหลายมิติ (Round Character): เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน แสดงออกถึงบุคลิกหลายด้าน มีความลึกซึ้ง ตัวอย่างเช่น เจย์ กัทสบี้ (สุภาพบุรุษนักฝัน – The Great Gatsby) และโฮลเดน คอลฟิลด์ (จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น – The Catcher in the Rye)
- ตัวละครมิติเดียว (Flat Character): เป็นตัวละครที่มีมิติเดียว ไม่มีความซับซ้อน มักมีบทบาทเฉพาะในเรื่อง ตัวอย่างเช่น กาสตอง (โฉมงามกับเจ้าชายอสูร – Beauty and the Beast) และพริม เอเวอร์ดีน (เกมล่าเกม – The Hunger Games)
- ตัวละครสูตรสำเร็จ (Stock Character): เป็นตัวละครที่มีลักษณะตามแบบแผนหรือสเตอรีโอไทป์ เช่น นักปราชญ์ผู้มีปัญญา หรือเพื่อนสนิทที่ร่าเริง ตัวละครเหล่านี้มักมีบทบาทเฉพาะในการเสริมเรื่องราว
สรุป
โดยพื้นฐานแล้ว แม้ว่าโครงเรื่องจะเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ตัวละครก็คือหัวใจและจิตวิญญาณที่ทำให้เรื่องราวมีความหมาย เข้าถึงได้ และเข้าถึงอารมณ์ของผู้อ่านได้ ตัวละครที่ยอดเยี่ยมยังคงอยู่ในใจของผู้อ่านไปอีกนานหลังจากที่เรื่องราวจบลง
แต่คุณต้องจำไว้ว่าอย่าให้ความสำคัญกับความรักที่มีต่อตัวละครมากกว่าโครงเรื่อง หากตัวละครของคุณไม่เหมาะสม ให้หาวิธีแก้ไขบทบาทของพวกเขา หากแก้ไขไม่ได้ก็ให้เอาออก การลบตัวละครออกจะเจ็บปวดสักครู่ แต่เรื่องราวของคุณจะดีกว่า
Sponsored Ads